Friday, March 28, 2008

แปลกแต่จริง ! หมาญี่ปุ่นใฝ่ธรรมะ ชอบไหว้พระ-สวดมนต์

ญี่ปุ่นฮือฮา "ชิวาว่า" ใฝ่ธรรมะ ไหว้พระ เลียนแบบคน


แปลกแต่จริง! หมาญี่ปุ่นใฝ่ธรรมะ ชอบไหว้พระ-สวดมนต์ พระเชื่อสำนึกข้าวแดงแกงร้อนช่วยเลี้ยงชีวิต ขณะที่ชาวบ้านสุดทึ่ง แห่ไปวัดดังเพื่อชมหมาไหว้พระกันเป็นแถว


สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ว่า เกิดเหตุฮือฮาสุนัขพันธุ์"ชิวาว่า"ในวัดแห่งหนึ่งชื่อวัดจิเกนิน ในจังหวัดโอกินาวา มีพฤติกรรมชอบไหว้พระสวดมนต์เหมือนมนุษย์ จนกลายเป็นที่ดึงดูดของประชาชนทั้งหลายมาเดินทางมายังวัดนี้เพื่อชมสุนัขใฝ่ธรรมะดังกล่าว ด้านพระโจอิ โยชิกูนิ แห่งวัดจิเกนิน บอกว่า สุนัขตัวนี้ ชื่อเจ้า"โคนัน"เป็นสุนัขเพศผู้วัย 2 ปี มีสีดำ คอน้ำตาล ชอบนั่งหน้าวัดและจ้องมองพระพุทธรูปในวัด โดยเมื่อพระเริ่มสวดมนต์ มันจะรีบมานั่งประจำที่ของมัน และยกขาสองข้างขึ้นสูง ซึ่งพระโจอิลบอกว่า สาเหตุที่มันแสดงอาการดังกล่าว อาจเพื่อขอบคุณที่ทางวัดให้ข้าวให้น้ำและที่พักอาศัยแก่มัน







รายงานระบุว่า ขณะนี้ เจ้าโคนันได้กลายเป็นสุนัขที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่สาธุชนทั่วไป โดยสาธุชนรายหนึ่งบอกว่า เป็นเรื่องสนุกที่เห็นมันไหว้พระ ขณะที่อีกรายบอกว่า มันจะโกรธหากใครจะไปนั่งที่ไหว้พระของมัน เพราะมันถือว่าที่ดังกล่าวเป็นที่พิเศษของมัน
ด้านพระประจำวัดจิเกนินเผยด้วยว่า ทางการวัดมียอดสาธุชนแห่ไปเยี่ยมเยือนวัดเพิ่มขึ้นกว่า 60 % โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น เพื่อมาชมเจ้าโคนันไหว้พระ

ขอขอบคุ http://www.matichon.co.th













Thursday, March 20, 2008

งานมหาสังฆทานวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551

อาจารย์ศิริพงษ์ อัครศรียุกต์ มีกำหนดการจะจัดงานมหาสังฆทาน
ในวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551 นี้ที่ อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) เวลา 08.00 น.

ท่านที่ประสงค์จะร่วมทำบุญมหาสังฆทาน
สามารถโอนเงินผ่านธนาคารกสิกรไทย สาขาบางใหญ่ ประเภทออมทรัพย์
ชื่อบัญชีนายศิริพงษ์ อัครศรียุกต์ เลขที่บัญชี 269-2-70593-1

ส่วนท่านที่ประสงค์จะมาร่วมงานมหาสังฆทานกรุณาแจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่
โทร. 02-961-7318, 081-808-6796, 086-978-9379 Fax. 02-961-7316

ท่านที่ประสงค์จะนำอาหารมาร่วมทำบุญ โปรดเตรียมภาชนะมาเอง
เนื่องจากภาชนะที่เตรียมไว้อาจไม่เพียงพอ

The Chant of Metta - Imee Ooi




Metta is a Pali word meaning loving-kindness. Metta chanting is the radiation of loving-kindness towards all beings: May they all be happy and peaceful. Imee Ooi chants the Pali beautifully. Metta chanting is soothing, uplifting, joyful and a great healing for the world - pervading it with waves of love. Truly, may all beings be happy. May they live always in peace and harmony.



The Chant of Metta Text

อะหัง อะเวโร โหมิ --
ขอให้ข้าพเจ้าจงเป็นผู้ปราศจากเวร
Aham avero homi
May I be free from enmity and danger

อัพยาปัชโฌ โหมิ --
ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์ใจ
abyapajjho homi
May I be free from mental suffering

อะนีโฆ โหมิ --
ขอให้ข้าพเจ้าจงปราศจากความทุกข์กาย
anigha homi
May I be free from physical suffering

สุขี อัตตานัง ปริหะรามิ --
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข
sukhi - attanam pariharami
May I take care of myself happily

มะมะ มาตาปิตุ --
และขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า
Mama matapitu
May my parents

อาจาริยา จะ ญาติมิตตา จะ--
ครูอาจารย์ ปวงญาติ และ มิตร
acariya ca natimitta ca
teacher relatives and friends

สพรหมะ จาริโน จะ --
ผู้ประพฤติธรรมทั้งปวง
sabrahma - carino ca
fellow Dhamma farers

อะเวโร โหนตุ --
ขอจงเป็นผู้ปราศจากเวร
avera hontu
be free from enmity and danger

อัพยาปัชฌา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์ใจ
abyapajjha hontu
be free from mental suffering

อะนีฆา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์กาย
anigha hontu
be free from physical suffering

สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ --
ขอท่านจงมีความสุข
sukhi - attanam pariharantu
may they take care of themselves happily

อิมัสมิง อาราเม สัพเพ โยจิโน --
ขอท่านผู้ทรงสมาธิทั้งปวงในเขตนี้
Imasmim arame sabbe yogino
May all meditators in this compound

อะเวรา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากเวร
avera hontu
be free from enmity and danger

อัพยาปัชโฌ โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์ใจ
abyapajjha hontu
be free from mental suffering

อะนีโฆ โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์กาย
anigha hontu
be free from physical suffering

สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ --
ขอท่านจงมีความสุข
sukhi - attanam pariharantu
May they take care of themselves happily

อิมัสมิง อาราเม สัพเพ ภิกขุ --
ขอพระภิกษุผู้อยู่ในเขตนี้
Imasmim arame sabbe bhikkhu
May all monks in this compound

สามเณรา จะ --
และ สามเณร
samanera ca
novice monks

อุปาสะกะ อุปาสิกาโยจะ --
และทั้งอุบาสก อุบาสิกา
upasaka - upasikaya ca
laymen and laywomen disciples

อะเวรา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากเวร
avera hontu
be free from enmity and danger

อัพยาปัชโฌ โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์ใจ
abyapajjha hontu
be free from mental suffering

อะนีฆา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์กาย
anigha hontu
be free from physical suffering

สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ --
ขอท่านจงมีความสุข
sukhi - attanam pariharantu
May they take care of themselves happily

อัมหากัง จะตุปัจจายะ ทายะกะ --
ขอท่านผู้เป็นทายกแห่งจตุปัจจัยทาน ทั้งสี่
( อันได้แก่ เสื้อผ้า อาหาร ยา และ ที่อยู่อาศัย)
Amhakam catupaccaya - dayaka
May our donors of the four supports: clothing, food, medicine and lodging

อะเวรา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากเวร
avera hontu
be free from enmity and danger

อัพพยา ปัชฌา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์ใจ
abyapajjha hontu
be free from mental suffering

อนีฆา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์กาย
anigha hontu
be free from physical suffering

สุขี อัตตานัง ปริหะรันตุ --
ขอท่านจงมีความสุข
sukhi - attanam pariharantu
May they take care of themselves happily

อัมหากัง อารักขา เทวาตา --
ขอเทวาผู้รักษาข้าพเจ้า
Amhakam arakkha devata
May our guardian devas

อิมัสมิง วิหาเร --
ในวิหารนี้
Ismasmim vihare
in this monastery

อิมัสมิง อาวาเส --
ในที่อยู่อาศัย
Ismasmim avase
in this dwelling

อิมัสมิง อาราเม --
ในอารามแห่งนี้
Ismasmim arame
in this compound

อารักขา เทวาตา --
ขอเทวาผู้รักษาสถานที่เหล่านี้
arakkha devata
May the guardian devas

อะเวรา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากเวร
avera hontu
be free from enmity and danger

อัพพยา ปัชโฌ โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์ใจ
abyapajjha hontu
be free from mental suffering

อะนีฆา โหนตุ --
ขอท่านจงปราศจากความทุกข์กาย
anigha hontu
be free from physical suffering

สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ --
ขอท่านทั้งหลายจงเป็นสุข
sukhi - attanam pariharantu
may they take care of themselves happily

สัพเพ สัตตา --
ขอสัตว์ทั้งหลาย
Sabbe satta
May all beings

สัพเพ ปาณา --
ขอผู้มีลมหายใจทั้งปวง
sabbe pana
all breathing things

สัพเพ ภูตา --
ขอสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
sabbe bhutta
all creatures

สัพเพ ปุกกะลา --
ขอสัตว์ทั้งปวง (ทั้งที่มีรูป ไม่มีรูป มีสัญญา ไม่มีสัญญา)
sabbe puggala
all individuals (all beings)

สัพเพ อัตภวา ปริยะปันนา --
ขอสัตว์ผู้มีกายและใจ
sabbe attabhava - pariyapanna
all personalities (all beings with mind and body)

สัพเพ อิตถีโย --
ขอปวงสตรีทั้งหลาย
sabbe itthoyo
may all females

สัพเพ ปุริสา --
ขอปวงบุรุษทั้งหลาย
sabbe purisa
all males

สัพเพ อริยา --
ขอปวงพระอริยเจ้าทั้งหลาย
sabbe ariya
all noble ones (saints)

สัพเพ อนริยา --
ขอปวงผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย
sabbe anariya
all worldlings (those yet to attain sainthood)

สัพเพ เทวา --
ขอเหล่าเทวา ทั้งหลาย
sabbe deva
all devas (deities)

สัพเพ มนุสสา --
ขอมนุษย์ทั้งหาย
sabbe manussa
all humans

สัพเพ วินิปาติกา --
ขอสัตว์ทั้งหลายอันมีกำเนิด 4
sabbe vinipatika
all those in the four woeful planes

อะเวรา โหนตุ --
ขอจงเป็นผู้ปราศจากเวร
avera hontu
be free from enmity and dangers

อัพพยา ปัชโฌ โหนตุ --
ขอจงเป็นผู้ปราศจากความทุกข์ใจ
abyapajjha hontu
be free from mental suffering

อะนีฆา โหนตุ --
ขอจงเป็นผู้ปราศจากความทุกข์กาย
anigha hontu
be free from physical suffering

สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ --
ขอท่านจงมีความสุข
sukhi - attanam pariharantu
may they take care of themselves happily

ทุกขา มุจจันตุ --
ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์
Dukkha muccantu
May all being be free from suffering

ยัตถา ลัทธา สัมปัตติโต มาวิกัจชันตุ --
ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำดี หรือ ทำไม่ดี
Yattha-laddha-sampattito mavigacchantu
May whatever they have gained not be lost

กัมมัสสะกา --
ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น
Kammassaka
All beings are owners of their own Kamma

ปุรถิมายะ ทิสายะ --
ณ เบื้องทิศตะวันออก
Purathimaya disaya
in the eastern direction

ปัจฉิมายะ ทิสายะ --
ณ เบื้องทิศตะวันตก
pacchimaya disaya
in the western direction

อุตตระ ทิสายะ --
ณ เบื้องทิศเหนือ
uttara disaya
in the northern direction

ทักขิณายะ ทิสายะ --
ณ เบื้องทิศใต้
dakkhinaya disaya
in the southern direction

ปุรถิมายะ อนุทิสายะ --
ณ เบื้องทิศตะวันออกเฉียงใต้
purathimaya anudisaya
in the southeast direction

ปัจฉิมายะอนุทิสายะ --
ณ เบื้องทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
pacchimaya anudisaya
in the northwest direction

อุตตระ อนุทิสายะ --
ณ เบื้องทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
uttara anudisaya
in the northeast direction

ทักขิณายะ อนุทิสายะ --
ณ เบื้องทิศตะวันตกเฉียงใต้
dakkhinaya anudisaya
in the southwest direction

เหตถิมายะ ทิสายะ --
ณ ทิศเบื้องล่าง
hetthimaya disaya
in the direction below

อุปาริมายะ ทิสายะ --
ณ ทิศเบื้องบน
uparimaya disaya
in the direction above

สัพเพ สัตตา --
ขอสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น
Sabbe satta
May all beings

สัพเพ ปาณา --
ขอผู้มีลมหายใจทั้งปวง
sabbe pana
all breathing things

สัพเพ ภูตา --
ขอสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
sabbe bhutta
all creatures

สัพเพ ปุกกะลา --
ขอสัตว์ทั้งปวง (ทั้งที่มีรูป ไม่มีรูป มีสัญญา ไม่มีสัญญา)
sabbe puggala
all individuals (all beings)

สัพเพ อัตภวา ปริยะปันนา --
ขอสัตว์ผู้มีกายและใจ
sabbe attabhava - pariyapanna
all personalities (all beings with mind and body)

สัพเพ อิตถีโย --
ขอปวงสตรีทั้งหลาย
sabbe itthoyo
may all females

สัพเพ ปุริสา --
ขอปวงบุรุษทั้งหลาย
sabbe purisa
all males

สัพเพ อริยา --
ขอปวงพระอริยเจ้าทั้งหลาย
sabbe ariya
all noble ones (saints)

สัพเพ อนริยา --
ขอปวงผู้ยังไม่เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย
sabbe anariya
all woeling (those yet to attain sainthood)

สัพเพ เทวา --
ขอเหล่าเทวา ทั้งหลาย
sabbe deva
all devas (deities)

สัพเพ มนุสสา --
ขอมนุษย์ทั้งหลาย
sabbe manussa
all humans

สัพเพ วินิปาติกา --
ขอสัตว์ทั้งหลายอันมีกำเนิด 4
sabbe vinipatika
all those in the 4 woeful planes

อะเวรา โหนตุ --
ขอจงเป็นผู้ปราศจากเวร
avera hontu
be free from enmity and dangers

อัพพยา ปัชโฌ โหนตุ --
ขอจงเป็นผู้ปราศจากความทุกข์ใจ
abyapajjha hontu
be free from mental suffering

อะนีฆา โหนตุ --
ขอจงเป็นผู้ปราศจากความทุกข์กาย
anigha hontu
be free from physical suffering

สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ --
ขอท่านจงมีความสุข
sukhi - attanam pariharantu
may they take care of themselves happily

ทุกขา มุจจันตุ --
ขอสัตว์ทั้งหลายจงปราศจากความทุกข์
Dukkha muccantu
May all beings be free from suffering

ยัตถา ลัทธา สัมปัตติโต มาวิกัจชันตุ --
ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำดี หรือ ทำไม่ดี
Yattha-laddha-sampattito mavigacchantu
May whatever they have gained not be lost

กัมมัสสะกา --
ตนย่อมเป็นเจ้าของกรรมนั้น
Kammassaka
All beings are owners of their own kamma

อุทธัง ยาวะ ภะวัคคะ จะ --
และสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูสูงขึ้นไป
Uddham yava bhavagga ca
As far as the highest plane of existence

อโธ ยาวะ อวิจจิโต --
และสัตว์ในโลกธาตุอื่นที่อยู่เบื้องล่าง
adho yava aviccito
to as far down as the lowest plane

สมันตะ จักกะวาเลสุ --
สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล
samanta cakkavalesu
in the entire universe

เย สัตตา ปถวิจาระ --
ไม่ว่าสัตว์ใดที่อุบัติบนพื้นปฐพี
ye satta pathavicara
whatever beings that move on earth

อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ --
ขอจงปราศจากทุกข์ใจ
abyapajjha nivera ca
may they are free of mental suffering and enmity

นิทุกขา จะ นุปัททวะ --
และความทุกข์ทางกาย
nidukkha ca nupaddava
and from physical suffering and danger

อุทธัง ยาวะ ภะวัคคะ จะ --
และสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูสูงขึ้นไป
Uddham yava bhavagga ca
As far as the highest plane of existence

อโธ ยาวะ อวิจจิโต --
และสัตว์ในโลกธาตุอื่นที่อยู่เบื้องล่าง
adho yava aviccito
to as far down as the lowest plane

สมันตะ จักกะวาเลสุ --
สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล
samanta cakkavalesu
in the entire universe

เย สัตตา ปถวิจาระ --
ขอสัตว์ทั้งหลายผู้เกิดในน้ำ
ye satta udakecara
whatever beings that move on water

อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ --
ขอจงปราศจากทุกข์ใจ
abyapajjha nivera ca
may they are free of mental suffering and enmity

นิทุกขา จะ นุปัททวะ --
และความทุกข์ทางกาย
nidukkha ca nupaddava
and from physical suffering and danger

อุทธัง ยาวะ ภะวัคคะ จะ --
และสัตว์ในโลกธาตุอื่น ที่อยูสูงขึ้นไป
Uddham yava bhavagga ca
As far as the highest plane of existence

อโธ ยาวะ อวิจจิโต --
และสัตว์ในโลกธาตุอื่นที่อยู่เบื้องล่าง
adho yava aviccito
to as far down as the lowest plane

สมันตะ จักกะวาเลสุ --
สัตว์ทั้งหลายในจักรวาล
samanta cakkavalesu
in the entire universe

เย สัตตา อากาเสจารา -
ขอสัตว์ทั้งหลายผู้ไปในอากาศ
ye satta akasecara
whatever beings that move in air

อัพยาปัชฌา นิเวรา จะ –
ขอจงปราศจากทุกข์ใจ
abyapajjha nivera ca
may they be free of mental suffering and enmity

นิทุกขา จะ นุปัททวะ –
และความทุกข์ทางกาย
nidukkha ca nupaddava
may they be free from physical suffering and danger .

Friday, March 7, 2008

เห็นพระทําผิด คิดอย่างไรจึงไม่บาปแต่ได้บุญ

เป็นบทสนทนา....ถาม-ตอบ ระหว่างผู้เห็น(คือตัวเรา)กับพระสงฆ์


ทุกวันนี้มีเสียงบ่นกันมากเกี่ยวกับปัญหาเรื่องพระประพฤติผิดพระธรรมวินัย เสียงโพนทนาว่ากล่าวเหล่านี้เราสามารถได้ยินทั่วไปทุกหนแห่ง แม้แต่ในกระดานข่าวอินเทอร์เน็ต ก็มีกระทู้บ่นถึงพระประพฤติผิดพระธรรมวินัยให้เห็นอยู่เป็นประจำ อาทิเช่น ปัญหาพระชอบเข้าไปในสถานที่ไม่เหมาะสม (เช่นห้างพันธ์ทิพย์) พระใช้อินเทอร์เน็ตไปในทางที่ไม่สมควร เป็นต้น

มีบางท่านได้เกิดความสงสัยว่า การที่เราพบเห็นพระประพฤติผิดพระธรรมวินัยแล้ว เราคิดไม่พอใจ หรือ ขุ่นเคืองใจในตัวพระผู้ประพฤติผิดนั้น มันจะเป็นบาปหรือไม่ บางท่านก็ถามว่าเราจะควรโกรธเกลียดพระที่หลอกลวงประชาชน หรือที่เข้ามาบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาหรือไม่ เป็นต้น

เครือข่ายชาวพุทธฯ เห็นว่าปัญหานี้เป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย สมควรที่จะนำความรู้เกี่ยวกับเรื่องวิธีปฏิบัติต่อพระที่ทำผิดพระธรรมวินัยมานำเสนอ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อชาวพุทธทั่วไป

ในการนี้เราได้เขียนเป็นบทสนทนา ทั้งนี้เพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความเป็นกันเอง และ ชวนให้ผู้อ่านได้ใช้ความคิดให้มากขึ้น อันเป็นกระบวนการเรียนรู้ตามหลักพุทธศาสนา ขอเชิญท่านติดตามได้ ณ บัดนี้

ถาม : ถามจริง ๆ นะ เวลาเราเจอพระทำไม่ดี แล้วเราคิดรังเกียจ สะอิดสะเอียนเนี่ย มันจะบาปมั๊ย?

ตอบ : บาปหรือไม่บาปให้ดูตรงไปที่ ใจของเรา คือให้ดูว่าจิตใจของเรามันขุ่นมัว หรือไม่สบายใจหรือเปล่า คือ ถ้าเราเห็นพระปฏิบัติไม่ดีแล้ว จิตใจของเราหดหู่ขุ่นมัว หรือ ร้อนรุ่ม ก็แสดงว่าในขณะนั้นได้เกิดอกุศล (บาป) ขึ้นในจิตใจของเราแล้ว

ถาม : เห็นบางคนถึงกับด่าพระด้วย อ่านเจอในอินเทอร์เน็ตบ่อย ๆ แต่พระก็ทำไม่ดีจริง ๆ นะ หลอกลวง ประชาชนก็มี ต้มตุ๋นก็มี บางกลุ่มรวมหัวกันเป็นแก๊งเลย?

ตอบ : กรณีนี้มันเป็นเรื่องน่าเห็นใจ เพราะเป็นปฏิกริยาของสังคมที่มีต่อบุคคลเหล่านี้ แต่ทีนี้เราต้องยอมรับว่า ลำพังการพูดบ่นหรือด่าว่าอย่างเดียว คงไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาอะไรได้ มันก็แค่เพียงการระบายความรู้สึกอัดอั้นตันใจไปวัน ๆ เท่านั้นเอง คงไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์อะไรดีขึ้นมาได้

ถาม : ในพระไตรปิฎกมีคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือเปล่าว่าจะควรจะคิดอย่างไรกับพระที่ทำตัวไม่ดี?

ตอบ : ท่านวางหลักง่าย ๆ ว่า จะคิด พูด ทำอะไรกับพระก็ให้ประกอบไปด้วยเมตตา อันนี้ครอบคลุมไปหมดเลย หมายความว่าถ้าเห็นพระทำผิด ก็ให้คิดมองเห็นด้วยความเมตตากรุณา แต่ทว่าต้องคิดต่อไปถึงการแก้ไขปัญหาด้วยนะ ไม่ใช่เมตตาแบบเห็นใจแต่ไม่ยอมแก้ไขปัญหา

ถาม : ไหนลองยกตัวอย่าง สมมติว่า ไปเจอะพระเดินเรี่ยไรเงินทองญาติโยมตามบ้าน น่ารังเกียจมาก เราจะคิด อย่างไรจิตใจถึงจะเป็นกุศล (บุญ)?

ตอบ :ให้คิดด้วยความเมตตากรุณาก่อนเลย โดยอาจจะคิดว่า " โอ้..! น่าเวทนาสงสารพระรูปนี้จัง ท่านไม่รู้วินัย จึงได้มาเที่ยวเดินเรี่ยไรเงินทองรบกวนญาติโยมเช่นนี้ ตัวท่านเองคงต้องได้รับผลจากการกระทำของท่านเอง จิตใจคงเศร้าหมองไปไม่น้อย นี่แหละหนา บวชเรียนเข้ามาแต่ไม่ได้รับการศึกษา ผลเลยออกมาเป็นเช่นนี้ "

นี้คิดขั้นแรกให้เกิดความเมตตากรุณาเสียก่อน จากนั้นก็ให้คิดต่อเพื่อเกิดเป็นพลังสร้างสรรค์ เช่น เราอาจจะคิดต่อไปว่า " ปรากฏการณ์ที่เห็นนี้มันเป็นเครื่องส่งสัญญาณบอกเหตุเตือนเราว่า ถึงเวลาแล้วที่ชาวพุทธทั้งหลายต้องมาช่วยกันฟื้นฟูพุทธศาสนา คือต้องมาร่วมด้วยช่วยกันทำอะไรสักอย่างเพื่อให้สถาบันสงฆ์ดีขึ้น ทางพระเองท่านคงแก้ไขปัญหาฝ่ายเดียวไม่ไหวแล้ว พวกเราเหล่าฆราวาสนี้แหละที่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือท่าน " เห็นไหมคิดแบบนี้มันจะเกิดกำลังใจขึ้นมาทันที ไม่เห็นต้องไปท้อใจ หรือ สลดใจอะไรเลย การคิดแบบนี้ มันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี คือทำให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหา

ถาม : บางคนเห็นพระบวชเข้ามาทำพุทธศาสนาเสื่อมแล้ว ถึงกับท้อใจอยากเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่นก็มี

ตอบ : อันนี้คล้าย ๆ กับว่าเราเห็นคนมาเผาบ้านของเราแล้วแทนที่จะคิดช่วยกันจับคนเผาบ้านแล้วดับไฟ แต่นี่กลับคิดวิ่งหนีเพื่อหวังที่จะไปขออาศัยบ้านของคนอื่น อันนี้เท่ากับเป็นการฟ้องว่าตัวเองเป็นคนชอบหนีปัญหา

ถาม : อยากจะถามว่าในยามที่เราได้พบเห็นพระทั่วๆไปตามสถานที่ต่างๆ เราควรจะคิดอย่างไรจึงจะได้บุญ

ตอบ : เมื่อพบเห็นพระทั่ว ๆ ไป ให้คิดด้วยความเมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจท่าน คือเราต้องยอมรับว่า ในยุคปัจจุบันสถานะของพระตกต่ำไปมาก ผิดกับในยุคสมัยอดีตที่ท่านเคยเป็นผู้นำสติปัญญาของคนทุกชนชั้นมาก่อน คือในสมัยก่อนนับตั้งแต่พระราชายันยาจก ทุกคนเป็นลูกศิษย์พระหมดเลย

แต่ปัจจุบันนี้พระกลับกลายเป็นตัวแทนของผู้ไร้การศึกษา หรือ ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา ใครพบเห็นก็อดที่จะรู้สึกดูหมิ่นดูแคลนไม่ได้ (พระไม่ต้องถึงกับทำผิด ฆราวาสก็นึกดูหมิ่นในใจอยู่แล้ว)

ดังนั้นเวลาเราพบเห็นพระที่ไหน ให้เราคิดเมตตากรุณาเห็นอกเห็นใจท่านก่อนเลย เช่นอาจจะคิดว่า " โถ.. ท่านเคยเป็นผู้นำของสังคมมาก่อน แต่มาบัดนี้สังคมได้ทอดทิ้งท่านให้กลายเป็น ส่วนเกินของสังคมไปแล้วหรือนี่ "

เมื่อคิดด้วยเมตตาแล้ว ก็ควรจะคิดปลุกใจของตนเองต่อไปว่า " ทำอย่างไรหนอ..จึงจะช่วยสนับสนุนให้ท่านได้รับการศึกษาที่เป็นเลิศ เพื่อให้ท่านได้กลับมาเป็นผู้นำทางสติปัญญาของสังคมอีกครั้งหนึ่ง สังคมไทยของเราจะได้ไปรอด ฯลฯ "

ถาม : คิดทุกครั้งที่ได้พบเห็นพระใช่หรือเปล่า? ไม่คิดไม่ได้หรือ?

ตอบ : ถ้าไม่คิด ความเข้าใจเก่า ๆ จะทำให้เรามองท่านผิดไป ทำให้เราไม่สบายใจเมื่อพบเห็นท่าน ..แต่ถ้าคิดอย่างที่แนะนำนี้ จิตจะเกิดบุญกุศลทุกขั้นตอน ลองลำดับดูนะ คิดขั้นที่หนึ่ง เมตตากรุณามาก่อนเลย คิดขั้นที่สอง คิดให้เกิดความตื่นตัวรับผิดชอบ (ไม่ประมาท) เกิดธรรมฉันทะ (ใฝ่ดี) เกิดวิริยะ (ความเพียรสู้) เกิดปัญญา (คิดหาหนทางแก้ไข) จะเห็นได้ว่าสภาพจิตแต่ละขณะเป็นกุศลทั้งนั้นเลย การคิดเช่นนี้นอกจากจะเป็น คุณต่อตัวผู้คิดเองแล้ว ยังเป็นคุณต่อพระพุทธศาสนาอีกด้วย

ถาม : แล้วอย่างในกรณีพระที่ประพฤติผิดเลวทรามถึงขั้นทำลายพระพุทธศาสนา เราจะคิดอย่างไรกับพระเหล่านี้ พวกนี้แย่มากนะ มันอดโกรธไม่ไหวเหมือนกัน

ตอบ : ก็ยังคงถือหลักที่พระพุทธองค์วางไว้ให้นั้นเอง คือตราบใดที่บุคคลนั้นยังครองผ้ากาสาวพัสตร์ ก็ควรมีสติคิด ให้เกิดเป็นความเมตตากรุณาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะมีความร้ายกาจสักเพียงใดก็ตาม เช่นเราอาจจะคิดเวทนาสงสาร ที่เขาทำตัวประดุจโจรร้ายเที่ยวหลอกลวงมหาชน คติภายหน้าคงไม่พ้นอบายภูมิเป็นแน่ ถึงแม้ปัจจุบัน ชีวิตของเขาแม้ดูอย่างผิวเผินอาจจะเสมือนว่ามีความสุขจากทรัพย์สินเงินทองที่หลอกลวงมาได้ แต่ทว่าความเป็นจริงแล้วภายในจิตใจของเขามีแต่ความร้อนรุ่ม กินแหนงแคลงใจตัวเองไปตลอดทิวาราตรี

คิดให้ได้แบบนี้ จิตใจก็จะเกิดความรู้สึกกรุณา ไม่ได้โกรธ หรือ เกลียดชังอะไร จากนั้นจึงค่อยคิด หนทางช่วยกันแก้ไขปัญหาต่อไปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

ถาม : อยากให้สรุปวิธีคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับพระอีกครั้ง

ตอบ :

๑. พบเห็นพระทั่วไปให้คิดเห็นอกเห็นใจที่ท่านด้อยโอกาส แล้วคิดช่วยเหลือท่านให้ได้รับการศึกษาที่ดี

๒.พบเห็นพระทำผิดให้คิดสงสารที่ท่านไม่ได้รับการศึกษา ผลจึงออกมาเป็นเช่นนี้ แล้วคิดช่วยกันแก้ไข

๓.ได้ทราบข่าวพระหลอกลวงประชาชน จาบจ้วงพระธรรมวินัย ให้คิดเวทนาสงสารที่บุคคลเหล่านี้ ว่าต้องตกอยู่ในความร้อนรุ่ม อยู่ไม่เป็นสุขไปตลอดกาลนาน แล้วคิดช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา

สรุปคือ คิดให้เกิดความเมตตากรุณา และ คิดรับผิดชอบแก้ไขปัญหา นี้คือวิธีคิดของชาวพุทธรุ่นใหม่ยุคไอทีที่ควรมีต่อพระภิกษุสงฆ์ในยุคปัจจุบัน หากเราทำได้พุทธศาสนาของเราก็จะได้พระภิกษุสงฆ์กลับเป็นผู้นำทางสติปัญญาเช่นเดิม พุทธศาสนาก็จะดำรงอยู่สืบต่อไปด้วยความร่วมแรงร่วมใจของพวกเราฆราวาสชาวพุทธนี่เอง