Friday, August 2, 2013

มหัศจรรย์แห่งธรรม โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ


"มหัศจรรย์แห่งธรรม"
ที่ระลึกเนื่องในงานมุทิตาจิต ครบรอบ อายุ 45 ปี 9 กรกฏาคม 2554
โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ
สำนักปฏิบัติธรรมพุหวาย
ต. อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
Cr.MsMrHolmes

1/7มหัศจรรย์แห่งธรรม  โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ



2/7 มหัศจรรย์แห่งธรรม  โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ



3/7 มหัศจรรย์แห่งธรรม  โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ


4/7 มหัศจรรย์แห่งธรรม  โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ


5/7 มหัศจรรย์แห่งธรรม  โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ


6/7 มหัศจรรย์แห่งธรรม  โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ


7/7 มหัศจรรย์แห่งธรรม  โดย พระอาจารย์กมล ธีรปัญโญ

Thursday, March 28, 2013

ความสำเร็จที่มาจากการทำทานที่ถูกต้อง การรักษาศีล การนั่งฌานภาวนานำความเจริญรุ่งเรืองมาให้

ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ทำความดีอย่างยิ่งใหญ่
ผมได้ข่าวว่าคุณนุชถูกหวยได้เงินหลายล้านบาท ส่วนตัวเลขที่แท้จริง อาจจะต้องรอฟังในวันเสาร์อีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงยังไงผมก็รู้สึกดีใจและมีความสุขตามไปด้วย จึงอยากจะขอแสดงความยินดีกับคุณนุชและครูกุ้ง และยิ่งผมได้รู้ต่อไปว่า การที่คุณนุชได้โภคทรัพย์ก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตในครั้งนี้เป็นผลมาจากการนั่งฌานสมาธิของครูกุ้ง กระผมก็ยิ่งรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง และได้รู้อีกว่าคุณนุชและครูกุ้งระลึกในธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ได้รับการถ่ายทอดจากอาจารย์ษิริพงศ์ จนทำให้ทั้งสองคนสามารถที่จะตั้งอยู่ในศีลในธรรมได้ และยังนั่งฌานสมาธิเป็นประจำจนนำไปสู่ความสุขความเจริญของชีวิต ทั้งสองคนจึงอยากจะตอบแทนในคุณงามความดีเหล่านี้โดยการมอบเงินบริจาคให้กับ อ.ษิริพงศ์ เพื่อใช้ในการเผยเผ่พระธรรมคำสั่งสอนเป็นธรรมทาน

กระผมก็ยิ่งรู้สึกปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขออนุโมทนากับคุณนุชและครูกุ้งในการทำบุญในครั้งนี้อย่างจริงใจ และที่ผมได้รู้จักครูกุ้งและได้ช่วยเหลืองานของครูกุ้ง ตั้งแต่วันที่ครูกุ้งได้รับความไว้วางใจจาก อ.ษิริพงศ์ แต่งตั้งให้เป็นครูสอนฌาน ผมก็ได้ช่วยเหลือครูกุ้งและได้เห็นการกระทำของครูกุ้งตลอดมา ซึ่งตั้งแต่วันวิสาขบูชาปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ ครูกุ้งได้รับการแต่งตั้งมาเกือบหนึ่งปีแล้ว ครูกุ้งได้เสียสละทุ่มเทเวลาให้กับการสอนฌาน ทั้งในวันอังคารและวันพฤหัสด้วยดีตลอดมา โดยไม่เคยเว้นเลย ซึ่งครูกุ้งไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินใดๆ จากทั้งมูลนิธิฯ หรืออ. ษิริพงศ์แต่อย่างใด และมูลนิธิฯ และอ.ษิริพงศ์ ก็ไม่ได้เก็บค่าเรียนหรือค่าสอนแต่อย่างใดเลย แต่หนำซ้ำในแต่ละครั้ง อ.ษิริพงศ์จะต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟครั้งละมากกว่า 2,000 บาท และยังต้องจัดพนักงานคอยจัดเตรียมปัดกวาดเช็ดถูอีกต่างหาก ส่วนครูกุ้งก็ต้องเสียค่าแท็กซี่ ค่าน้ำมันเพื่อเดินทางมาสอน สรุปแล้วทั้ง อ.ษิริพงศ์ และครูกุ้งต้องเสียค่าสอนกันทั้งคู่ โดยไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลย นอกจากบุญเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งนับว่าบุคคลทั้งสองนี้เป็นบุคคลที่เสียสละและทุ่มเทเพื่อส่วนรวม เพื่อต้องการให้ลูกศิษย์ที่มาเรียน รู้จักการทำทานที่ถูกต้อง การรักษาศีล การนั่งฌานภาวนาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของตนเอง และผมคาดว่า ทั้งอ.ษิริพงศ์และครูกุ้งก็คงจะหวังว่า ลูกศิษย์ที่ได้สอนไปนั้นจะเป็นคนดีและไม่ลบหลู่ดูหมิ่นครูบาอาจารย์ของตนในภายหลัง ฉะนั้น อ.ษิริพงศ์และครูกุ้งควรได้รับการยกย่องและสรรเสริญจากบุคคลทั่วไปมากกว่าการได้รับคำตำหนิติเตียน และด้วยคุณงามความดีของครูกุ้งที่ได้ทำมา จึงส่งผลให้ชีวิตและครอบครัวมีความเจริญรุ่งเรืองและมีความสุข ซึ่งผมได้เห็นเหตุการณ์ตลอดมา สมแล้วที่ครูกุ้งได้รับความไว้วางใจจาก อ.ษิริพงศ์ให้เป็นครูสอนฌาน ซึ่งอ.ษิริพงศ์เลือกคนไม่ผิดเลย และอ.ษิริพงศ์เคยเล่าให้ฟังว่าตาทิพย์ที่ครูกุ้งได้นั้น ถ้าเพียรให้ดีก็จะสามารถสั่งได้ดังใจปรารถนา และฤทธิ์ที่ได้นั้น อ.ษิริพงศ์ ได้แนะนำว่าควรจะใช้ให้ถูกกาล ซึ่งที่ผ่านมาครูกุ้งก็ทำได้ดีและได้รับคำชมเชยจาก อ.ษิริพงศ์มาโดยตลอด

ครั้งหนึ่งอ.ษิริพงศ์เคยเล่าว่า หลวงพ่อสรวงก็เคยใช้ฤทธิ์เพื่อลดทิฏฐิมานะของคนบางประเภท มีครั้งหนึ่งลูกชายของหลวงพ่อสรวงเกิดความสงสัยในตัวของหลวงพ่อสรวง หลังจากที่หลวงพ่อสรวงได้ออกบวชระยะหนึ่ง บรรดาลูกศิษย์ก็ยกย่องว่าหลวงพ่อสรวงเป็นพระอรหันต์ เพราะเขาเหล่านั้นได้ฟังธรรมและอยู่ใกล้ชิด ส่วนลูกชายเป็นคนที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ และก็ไม่เชื่อว่าพ่อของตนเป็นพระอรหันต์หรือไม่ และมีวันหนึ่งลูกชายได้ไปหาหลวงพ่อสรวงและได้นั่งรออยู่หน้ากุฏิ ซึ่งในระหว่างนั้นหลวงพ่อสรวงกำลังเข้าฌานสมาธิ หลังจากออกจากสมาธิแล้วได้เปิดประตูออกมา และได้ข้ามธรณีประตูและได้หันหลังกลับไปแล้วหยิบปากกาเมจิกขึ้นเขียนตัวเลขเจ็ดตัวบนวงกบประตู ซึ่งลูกชายได้เห็นการกระทำของหลวงพ่อสรวงก็มีความสงสัยว่า หลวงพ่อจดเบอร์โทรศัพท์ของใครไว้ที่วงกบประตู หลังจากที่หลวงพ่อเขียนแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินออกไปที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งเขาก็กำลังจะเดินตามไป แต่ก็ยังมีความสงสัยในตัวเลข จึงได้หันกลับไปมองที่ตัวเลขเจ็ดตัวนั้น และได้จำตัวเลขสามตัวหลังเพื่อนำไปแทงหวย เมื่อหวยออกผลปรากฏว่า ถูกรางวัลเลขท้ายสามตัวของรางวัลที่หนึ่ง ลูกชายของหลวงพ่อสรวงจึงได้นำใบตรวจหวยนั้นและกลับไปที่กุฏิหลวงพ่อ ปรากฏว่าตัวเลขทั้งเจ็ดตัวของรางวัลที่หนึ่งกับตัวเลขที่หลวงพ่อสรวงเขียนไว้บนวงกบประตูเป็นตัวเลขเดียวกัน จึงได้เกิดความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง และเกิดความศรัทธาเป็นอย่างมากในบิดาของตนเอง และก็ได้มีความเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าบิดาของตนคือพระอรหันต์ เพราะฌานสมาธิที่หลวงพ่อได้ปฏิบัตินั้นเป็นของจริงซึ่งสามารถพิสูจน์ได้

ซึ่งเรื่องนี้ก็ตรงกับที่ครูกุ้งสามารถที่จะเห็นเลขหวยทุกงวดที่ออกได้ แม้กระทั่งรางวัลที่หนึ่งครบทั้งหกตัว ครูกุ้งก็สามารถเห็นครบถ้วนมาแล้ว ซึ่งความสามารถตรงนั้นเป็นที่ประจักษ์ต่อทุกคนในเรื่องการทำฌานสมาธิ ซึ่งทุกคนให้การยอมรับ แต่หลักของมูลนิธิฯ ก็มีอยู่ว่าเราจะไม่สนับสนุนหรือส่งเสริมเรื่องอบายมุขทุกประเภท โดยยิ่งเป็นครูบาอาจารย์ยิ่งไม่ควรไปสนใจ ฉะนั้นอาจารย์และครูกุ้งจึงไม่ได้สนใจเรื่องหวยแต่อย่างใด แต่สำหรับคนอื่น ถ้าเป็นบุญของเขา และเขาสมควรได้เขาก็จะได้ของเขาเอง ด้วยบุญกุศลและปัญญาของเขา แต่อ.ษิริพงศ์ได้บอกว่า ถ้าวันนี้มีใครจะมาเรียนฌาน เพื่อต้องการให้ได้ตาทิพย์และเห็นเลขหวย อ.ษิริพงศ์ยินดีจะสอนอย่างเต็มใจและเต็มที่ เพราะการที่คนใดคนหนึ่งจะมีความตั้งใจอยากจะเรียนการนั่งฌานจนถึงขั้นเกิดทิพจักขุได้ ถือว่าเขาคนนั้นมีบุญบารมีไม่ธรรมดาเลย เพราะการที่จะนั่งฌานถึงขั้นเกิดทิพจักขุจนเห็นตัวเลขได้นั้น เขาจะต้องผ่านการทำทานที่ถูกต้อง การรักษาศีลอย่างดีเยี่ยมแล้วเท่านั้น จึงสามารถที่จะทำฌานสมาธิขั้นสูงได้ จึงถือว่าควรยกย่องและควรสรรเสริญเป็น อย่างยิ่ง ไม่ควรจะดูหมิ่นหรือดูถูกเลย เพราะการทำฌานนั้น เป็นบุญที่สูงสุดในโลก ไม่มีบุญไหนจะเทียบได้ ส่วนการจะเห็นเลขแล้วไปแทงหวยนั้น ก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้เล็กๆ น้อยๆ ส่วนผลบุญอันยิ่งใหญ่ที่เขาได้นั้นจะนำเขาไปสู่ความสุขความเจริญ ทั้งในชาตินี้และในชาติต่อๆ ไปอย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยผลแห่งฌานสมาธินั่นเอง

และอ.ษิริพงศ์ ยังบอกอีกว่า ถ้าครูกุ้งได้ฤทธิ์อะไรมา ก็ควรจะแสดงให้ลูกศิษย์ของเราได้รู้ได้เห็นและถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะสอนฤทธิ์เหล่านั้นให้กับลูกศิษย์ของตนอย่างหมดไส้หมดพุง แต่เราอย่าไปโอ้อวดกับคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของเรา ซึ่งที่ผ่านมาครูกุ้งก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่อื่นเลย นอกจากคุยกับลูกศิษย์ของตนและลูกศิษย์ ของ อ.ษิริพงศ์เท่านั้น ซึ่งอาจารย์ก็ได้ให้การรับรอง และครูกุ้งเองก็ไม่ได้เล่น Facebook แต่อย่างใด จึงไม่มีช่องทางที่จะโอ้อวด นอกจากคนใกล้ชิดยกย่องและสรรเสริญเองเท่านั้น
ท้ายนี้ผมจึงขอเชิญชวนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ และกัลยาณมิตรทุกท่าน ร่วมกันแสดงความยินดี กับการที่มิตรของเรามีความสุขความเจริญและร่วมกันอนุโมทนากับการทำบุญเป็นธรรมทานอันยิ่งใหญ่ของคุณนุชและครูกุ้งในวันเสาร์นี้ และถ้าเป็นไปได้ ก็ขอเชิญชวนกัลยาณมิตรและญาติธรรมทุกท่านไปร่วมทำบุญสังฆทานและร่วมอนุโมทนาในการทำบุญและการทำความดีของทั้งสองคน ณ มูลนิธิพิสูจน์ธรรม ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับบุคคลที่ทุ่มเทและเสียสละในการทำความดีให้กับสังคมโดยรวมและพวกเราชาวมูลนิธิพิสูจน์ธรรม
ขอขอบคุณครับ สาธุ สาธุ สาธุ...


ที่มา facebook พี่เข้ม 

ได้เงิน 3 ล้าน 6 แสนค่ะ
และทั้งพี่นุชและครูกุ้งได้มอบเงินบริจาคให้กับ อ.ษิริพงศ์ เป็นจำนวน 1 แสนบาท เพื่อใช้ในการเผยเผ่พระธรรมคำสั่งสอนเป็นธรรมทาน (ขออนุโมทนาด้วยนะค่ะ)

สำหรับคอร์สนั่งฌาณติดตามได้ที่ http://siripong.net/meditation_practices/

การฝึกอบรม “การนั่งฌานภาคปฏิบัติขั้นพื้นฐาน รุ่นที่ 4″ เปิดสอนแล้ว! เริ่ม อังคารที่ 2 เม.ย.2556

ขอเชิญผู้มีบุญมากทุกท่าน เข้ารับการฝึกอบรม

“การนั่งฌานภาคปฏิบัติขั้นพื้นฐาน รุ่นที่ 4″ 

ทุกวันอังคาร เริ่ม 2 เม.ย.2556

และสำหรับผู้ที่ผ่านการเรียน “การนั่งฌานภาคปฏิบัติขั้นพื้นฐาน รุ่นที่ 1-3″

ขอเชิญเข้าเรียน “การนั่งฌานภาคปฏิบัติขั้นก้าวหน้า (Advance)”

ได้ทุกวันพฤหัสบดี ณ มูลนิธิพิสูจน์ธรรม


1. ชื่อคอร์ส: การนั่งฌานภาคปฏิบัติขั้นพื้นฐาน

วันเวลาที่มีการฝึกปฏิบัติ: ทุกวันอังคาร เวลา 20.00-23.00 น. (โปรดมาถึงก่อนเวลา)
คำอธิบายหลักสูตร: ในการสอนการปฏิบัติฌานภาคปฏิบัติระดับพื้นฐานนี้ ท่านอาจารย์ษิริพงศ์ อัครศรียุกต์เป็นผู้ฝึกสอน และท่านอาจารย์ได้แต่งตั้งคุณครูผู้สอนฌานอย่างเป็นทางการ คือคุณครูอนันต์ ฟองลมุน เป็นผู้สอนหลัก โดยที่…
  • ท่านจะได้ทราบวิธีการนั่งฌานที่ถูกวิธีในทุกขั้นทุกตอน โดยเริ่มต้นตั้งท่านั่งที่ถูกต้อง ไปจนถึงการเข้าถึงสมาธิลำดับที่สี่ (อัปปนาสมาธิ)  ซึ่งเป็นการทำบุญที่ได้บุญอันสูงสุด
  • ท่านจะได้รู้เทคนิคที่ละเอียดอ่อนในการควบคุมระดับสมาธิ เพราะเมื่อมีอาการต่างๆ ที่อธิบายได้ยากเกิดขึ้นกับตัวท่าน ท่านจะสามารถรับมือกับอาการเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ด้วยการให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากคุณครูผู้สอนฌาน
  • ท่านจะได้รู้วิธีการใช้พลานุภาพแห่งฌานสมาธิ ในการทำให้สิ่งที่ท่านปรารถนาได้รับความสำเร็จอย่างเกินความคาดหมาย
  • ท่านจะมีความพร้อมในการเข้าเรียนการนั่งฌานภาคปฎิบัติขั้นก้าวหน้า (advance) ต่อไป
ผู้เข้ารับการฝึกปฏิบัติ จะต้องมีคุณสมบัติ “ครบทุกข้อ” ดังต่อไปนี้
1. เป็นผู้ที่เคยเข้าฟังการอบรมในคอร์ส “ความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า คอร์ส 1″ เรื่อง “ทาน ศีล สวรรค์” มาแล้ว หรือได้ชมวีซีดีคอร์สที่ 1 มาแล้ว (ทั้งหมด 9 แผ่น)
2. เป็นผู้ที่เคยเข้าฟังการอบรมในคอร์ส “ความสำเร็จที่มาจากการนั่งฌาน (สมาธิ) ที่ถูกต้อง”ที่ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2554 ณ มูลนิธิพิสูจน์ธรรม
หรือ เป็นผู้ที่ได้ฟังเสียงบรรยายธรรม (MP3) ในคอร์ส “การนั่งฌานภาคทฤษฏี โดย อ.ษิริพงศ์ อัครศรียุกต์”  (รวมทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง) จนครบถ้วนแล้วเท่านั้น ซึ่งท่านสามารถดาวน์โหลดเสียงบรรยายธรรมดังกล่าวได้แล้วที่ http://siripong.net/dharma2u
หมายเหตุ – ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติในข้อที่ (1) และ ข้อที่ (2) หรือข้อใดข้อหนึ่ง ทางมูลนิธิฯ จะไม่อนุญาตให้เข้ารับการฝึกปฏิบัติ และจะไม่อนุญาตให้เข้ามาในศาลาโรงธรรมในขณะที่มีการฝึกปฏิบัติโดยเด็ดขาด

 2. ชื่อคอร์ส: การนั่งฌานภาคปฎิบัติขั้นก้าวหน้า (Advance)

วันเวลาที่มีการฝึกปฏิบัติ: ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 20.00-24.00 น. (โปรดมาถึงก่อนเวลา)
คำอธิบายหลักสูตร: ผู้เรียนจะได้ฝึกปฏิบัติฌานร่วมกับผู้เรียนท่านอื่นๆ ที่มีพื้นฐานดีแล้วอย่างเข้มข้นมากขึ้น ด้วยการนั่งฌานครั้งละ 2-3 ชั่วโมงขึ้นไป ผู้เรียนจะสามารถพัฒนาให้ตนเองเข้าถึงอัปปนาสมาธิ (สมาธิขั้นสุด) ได้ชำนาญมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาวะที่ก่อให้เกิดบุญอย่างสูงสุด และเป็นการเตรียมความพร้อมสู่การนำพลังสมาธิไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ เช่น การอธิษฐานให้ได้ผลสำเร็จดังปรารถนา และการฝึกอภิญญาญาณต่างๆ นอกจากนี้ผู้ปฏิบัติยังสามารถซักถามข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติฌานจาก ท่านอาจารย์ษิริพงศ์ หรือคุณครูผู้สอนได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย


ผู้เข้ารับการฝึกปฏิบัติ จะต้องมีคุณสมบัติ “ครบทุกข้อ” ดังต่อไปนี้
1. เป็นผู้ที่ทางมูลนิธิฯ มีรายชื่อว่า เป็นผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม “การนั่งฌานขั้นพื้นฐาน” รุ่นใดรุ่นหนึ่งมาแล้ว

หมายเหตุ – ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติในข้อที่ (1)  ทางมูลนิธิฯ จะไม่อนุญาตให้เข้ารับการฝึกปฏิบัติ และจะไม่อนุญาตให้เข้ามาในศาลาโรงธรรมในขณะที่มีการฝึกปฏิบัติโดยเด็ดขาด
สถานที่ฝึกอบรม: ศาลาโรงธรรม มูลนิธิพิสูจน์ธรรม
ค่าใช้จ่าย: ไม่มี
การแต่งกาย: โปรดแต่งกายสุภาพ งดนุ่งสั้น สุภาพสตรีควรสวมกางเกง
สอบถามเพิ่มเติม
โทร.02-961-7318, 081-808-6796

Sunday, March 3, 2013

โครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา ณ วัดมหาโพธิมหาวิหาร พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย






โครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา ณ วัดมหาโพธิมหาวิหาร พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย

กองอำนวยการโครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา

พิพิธภัณฑ์พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว อาคารพระนางเจ้ารำไพพรรณี ชั้น 5 เลขที่ 2 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
เวลาทำการ 09.00-16.30 น. เว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โทร 02-280 3413-4 ต่อ 511 หรือ 091-212 5293, 091-212 5294, 091-212 5295 โทรสาร 02-280-3413-4 ต่อ 507

ท่านที่สนใจร่วมบุญมหากุศลในครั้งนี้ สามารถร่วมบริจาคได้ ดังนี้

1. ติดต่อบริจาคโดยตรง ณ กองอำนวยการ "โครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา" ในเวลา 09.00-16.30 น. เว้นวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ โทร 02-280 3413-4 ต่อ 511 หรือ 091-212 5293, 091-212 5294, 091-212 5295

2. โอนเข้าบัญชีกระแสรายวัน ชื่อบัญชี โครงการหุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์พุทธคยา

2.1 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขามทร. พระนคร เลขบัญชี 8803500373
2.2 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาเทเวศร์ เลขบัญชี 0203046033
2.3 ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาท่าพระจันทร์ เลขบัญชี 2243027889
2.4 ธนาคารออมสิน สาขาหน้าพระลาน เลขบัญชี 0000275438

โปรดส่งสลิปการนำเงินเข้าบัญชีมายังกองอำนวยการโครงการ หรือ FAX มาที่ 02-280 3413-4 ต่อ 507 พร้อมแจ้งชื่อที่อยู่ของท่าน เพื่อโครงการจักได้จัดส่งหนังสืออนุโมทนาให้ท่านเป็นที่ระลึกต่อไป (หนังสืออนุโมทนาไม่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษี)

หน้าเพจโครงการ “หุ้มทองคำยอดฉัตรพระมหาเจดีย์ 2600 ปี”
พุทธคยา เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย
http://www.facebook.com/pages/Mahabodhi-Temple-Bodh-Gaya/472645856135705?ref=stream