Tuesday, October 28, 2008

สาธุนรธรรม

สาธุนรธรรม
พระสุตตันตปิฎก ขุกทกนิกาย ชาดก เล่ม 4 ภาค 3 - หน้าที่ 332 (เล่มที่64)
สาธุนรธรรม คือหลักปฏิบัติสำหรับคนดี ที่คนดีย่อมปฏิบัติตาม มี 4 ประการคือ
1. จงเดินไปตามทางที่ท่านเดินไปแล้ว
2. จงอย่าเผาฝ่ามืออันชุ่ม
3. อย่าได้ประทุษร้ายมิตรไม่ว่าในกาลไหนๆ
4. อย่าตกอยู่ในอำนาจของหญิงไม่ดี
ผู้ใดมีน้ำใจเชื้อเชิญคนที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยอยู่ร่วมกันแม้สักวันหรือสองวัน ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน
ให้นั่งบนอาสนะที่ได้จัดไว้ ให้ข้าวและให้น้ำบริโภคอย่างดี ก็ผู้ที่ถูกเชิญเช่นนั้นควรทำประโยชน์ตอบแทนบุคคล
ผู้มีน้ำใจเชื้อเชิญนั้นอย่างตั้งใจ การที่เขาทำเช่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้เดินไปตามทางที่ท่านได้เดินแล้ว คือ ผู้เชื้อเชิญ
ชื่อว่าเป็นผู้เดินนำหน้า ส่วนผู้ถูกเชื้อเชิญหรือผู้ทำตอบแทนชื่อว่าผู้เดินตามหลัง
อนึ่งเหล่าบุพการีชนเช่น บิดา มารดา ครู อาจารย์ ผู้มีอุปการะแก่บุตร ธิดา และศิษย์น้อยใหญ่ บุคคลเหล่านั้น
เมื่อรู้อุปการะคุณของท่านแล้ว ย่อมตอบแทนอุปการะท่านด้วยความสำนึกในบุญคุณ ชื่อว่าผู้เดินตามทางที่ท่านเดินกันมา
จัดเป็นสาธุนรธรรมข้อที่หนึ่ง
บุคคลได้อยู่ในเรือนของผู้ใดแม้เพียงคืนเดียวและเจ้าของบ้านได้ต้อนรับ ด้วยข้าวและน้ำทำอาหารมาเลี้ยงดูเป็น
อย่างดี ชื่อว่ามีฝ่ามือชุ่มด้วยการทำปฏิสันฐาน
บุคคลนั้นไม่ควรคิดร้ายต่อเจ้าของบ้านผู้นั้นแม้ด้วยใจ การที่บุคคลคิดร้ายต่อผู้มีใจเอื้อเฟื้อเช่นนั้นชื่อว่าเผาฝ่ามืออันชุ่ม
นี้เป็นสาธุนรธรรมข้อที่สอง
บุคคลได้อาศัยนั่งหรือนอนที่ร่มเงาของต้นไม้ใด ไม่ควรหักก้านรานกิ่งหรือหน่อของต้นไม้นั้น เพราะรู้ถึงคุณประโยชน์ของต้นไม้นั้น
ที่มีต่อตน ส่วนบุคคลผู้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประทุษร้ายเป็นคนชั่วช้านั้นเพราะที่ตนได้อาศัยร่มเงานั้นมีอุปการะคุณแก่ตน ก้ยังหักก้านรานกิ่ง
หรือทำลายหน่อของต้นไม้นั้นได้ บัณฑิตจึงจัดว่า เป็นคนชั่วช้าสามาร ทำได้แม้กระทั่งต้นไม้ที่ไม่มีจิต อันตนได้เคยอาศัยนั่งนอน
ผู้ที่ตัดต้นไม้หรือกิ่งไม้ที่มีอุปการะคุณยังถูกตำหนิขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงผู้ประทุษร้ายบุคคลผู้มีบุญคุณที่เคยอุปการะช่วยเหลือตนมาเลย
การไม่ประทุษร้ายมิตรจัดเป็นสาธุนรธรรมข้อที่สาม
หญิงที่สามียกย่องเป็นอย่างดี ถึงกับยกความเป็นใหญ่ในทรัพย์สินเงินทองให้ แต่เมื่อได้โอกาสแล้วกลับดูหมิ่นสามีนั้นได้
บุคคลไม่ควรตกอยู่ในอำนาจของหญิงเช่นนั้น กล่าวคือธรรมดาหญิงทั่วๆไป ย่อมมีความรักใคร่นับถือสามีของตน ยกย่องให้เกียรติสามี
ไม่พูดจาก้าวร้าว ดูหมิ่นสามี หญิงเช่นนั้นชื่อว่าเป็นหญิงดี เป็นกุลสตรีที่น่ายกย่อง ตรงกันข้ามกับหญิงที่ไม่มีความจงรักภักดีในสามี
ประกอบด้วยอสัตย์ธรรม เรียกว่า อสติ คือหญิงไม่ดี หญิงประเภทนี้แม้สามีจะยกย่อง เชิดชูให้เกียรติ มอบทรัพย์สมบัติทั้งหลายให้ดูแล
แต่เมื่อมีโอกาสกลับดูหมิ่นเหยียดหยามสามี นำความไม่ดีของสามีออกไปบอกหรือเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ หญิงไม่ดีอย่างนี้
ไม่ควรจะไปคบหาสมาคมด้วย ขืนยังไปคบหาสมาคมเป็นเพื่อน เป็นมิตร หรือเป็นภรรยา ย่อมทำให้เสื่อมเสียเกียรตินำความตกต่ำมาให้แน่แท้
การไม่ตกอยู่ในอำนาจของหญิงไม่ดี จัดเป็นสาธุนรธรรมข้อที่สี่

No comments: