Saturday, May 7, 2011

ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมฟังการบรรยายธรรมอันน่ามหัศจรรย์!! เรื่อง "ความสำเร็จที่มาจาก การทำทานและการรักษาศีล อย่างถูกต้อง"

ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมฟังการบรรยายธรรมอันน่ามหัศจรรย์!!
เรื่อง "ความสำเร็จที่มาจาก การทำทานและการรักษาศีล อย่างถูกต้อง"

















เพราะเป็นธรรมะที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของคนหลายหมื่นคน จากที่ไม่รู้ธรรมะอะไรเลย หรือรู้

แบบงูๆปลาๆ ได้กลายมาเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจธรรมะอย่างแท้จริง จนสามารถรักษาศีล ๕ และศีลอุโบสถได้ และสามารถทำบุญที่ถูกต้องตรงตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้เป็นอย่างดี

แม้ผู้ที่ศึกษาธรรมะมา 20 ปี หรือชั่วชีวิตของเขาก็ตาม เขายังไม่สามารถสู้ได้กับการฟังการบรรยายธรรม
เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวได้เลย เพราะว่าผู้ที่ศึกษาธรรมะมา 20 ปีนั้น ไม่สามารถจะรักษาศีล ๕ และศีลอุโบสถได้
แต่ผู้ที่ฟังธรรมเพียงครั้งเดียว แล้วเห็นคุณค่าของศีลและธรรม ถือว่าเป็นผู้ที่รู้จริงมากกว่า

การได้ฟังธรรมะที่ถูกต้องเพียงครั้งเดียว ท่านจะได้รู้ว่า ทำบุญอย่างไรจึงจะสามารถร่ำรวยได้ภายในชาตินี้


หลายคนคงมีความสงสัยว่าที่ผ่านมา ก็ทำบุญอย่างต่อเนื่องโดยตลอด แต่ทำไมยิ่งทำยิ่งจน ทำบุญแล้วทำไมไม่รวยสักที เลยพาลคิดไปว่า บุญทานมันก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้ล่ะมั้ง? จึงทำให้เกิดความย่อท้อในการทำบุญทำทาน หรือไม่ก็ทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยไม่รู้สึกศรัทธาอะไรมากนัก แต่การฟังธรรมครั้งนี้เพียงครั้งเดียว ท่านจะได้รู้ วิธีการทำบุญอย่างถูกต้อง โดยที่ไม่ทำแบบมั่วซั่วเหมือนที่ผ่านมา ท่านจะได้รู้ว่า บุญอะไรเป็นบุญขั้นต่ำ อะไรเป็นบุญขั้นกลาง และอะไรเป็นบุญขั้นสูง เพราะการทำบุญบางครั้งใช้เงินทองจำนวนมากกว่า เสียเวลาอย่างมากเป็นเดือนเป็นปี แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับคนที่ทำบุญเพียงเล็กน้อย และใช้เวลานิดหน่อยก็สามารถได้บุญมากกว่าหลายล้านเท่า ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีอย่างนี้ในโลก แต่ความจริงแล้วท่านไม่รู้ธรรมะต่างหากเล่า

การฟังธรรมครั้งนี้เพียงครั้งเดียว จะทำให้ท่านเป็นผู้รู้จริง เพราะบางคนไม่ได้ศึกษาธรรมะในพระไตรปิฎก ไม่ได้ฟังธรรมอย่างถูกต้อง แต่ด้วยความมั่นใจในตัวเอง กลับเป็นผู้รู้ดี รู้มาก แต่รู้ไม่จริง จึงถือได้ว่าเป็นความโชคร้ายของเขาเป็นอย่างมาก เพราะโดยหลักการแล้ว คนเราถ้าไม่ได้ศึกษา ยกตัวอย่างเช่น การขับเครื่องบิน เป็นต้น ท่านจะไม่สามารถขับได้อย่างแน่นอน หากไม่ได้ศึกษามาก่อน
เช่นเดียวกับการศึกษาศาสตร์ทุกศาสตร์ ท่านต้องเรียนรู้มาก่อนจึงจะทำได้ เพียงแต่ว่าศาสตร์อื่นนั้นไม่เสี่ยงเหมือนกับการขับเครื่องบินที่อาจตกลงมาตายได้ ท่านก็เลยสามารถที่จะมั่วได้ เพราะว่าถึงผิดก็ไม่ตาย แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าเป็นเรื่องธรรมะแล้ว อันตรายมากกว่าการขับเครื่องบินตกตายเสียอีก

การฟังการบรรยายธรรมเพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ท่านจะได้รู้อะไรบ้าง
1. ท่านจะได้รู้จักพระพุทธเจ้า และเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง
2. ท่านจะได้รู้วิธีการทำให้ตนเองร่ำรวย และประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
3. ท่านจะมีความสุขและความเบิกบานในใจทันที แม้ความทุกข์ทั้งหลายยังไม่ได้รับการแก้ไขใดๆ เลยก็ตาม
4. ท่านจะได้รู้ว่าสวรรค์ นรกมีจริงหรือไม่ ตายแล้วจะต้องไปไหน
5. ท่านจะมีเป้าหมายในชีวิตอย่างชัดเจน ทั้งในชาตินี้และในชาติหน้า
6. ท่านจะกลายเป็นผู้ที่ไม่กลัวตาย เพราะท่านได้วางแผนในอนาคตไว้เรียบร้อยแล้ว
7. ท่านจะได้รู้เสียทีว่า การเกิดเป็นพระราชาจะต้องทำอย่างไร การเกิดเป็นมหาเศรษฐีจะต้องทำอย่างไร
และการเกิดเป็นนักกอฟท์มือหนึ่งของโลกจะต้องทำอย่างไร
8. ท่านจะสามารถเลือกที่จะหล่อหรือสวยขนาดไหนก๋ได้ หุ่นจะดีแค่ไหนก็ได้ ผิวพรรณจะสวยงามขนาดไหนก็ได้
และท่านก็จะสามารถรู้ได้ว่า คนที่เขาเกิดมาเป็นคนขี้เหร่ ผิวพรรณทราม เขาทำอย่างไรจึงได้เป็นแบบนี้
9. ท่านจะสามารถเลือกที่จะเกิดได้ ไม่เหมือนตอนที่ท่านไม่รู้ธรรมะที่ไม่สามารถเลือกเกิดได้

บรรยายธรรมโดย ท่านอาจารย์ษิริพงศ์ อัครศรียุกต์ ผู้เขียนหนังสือ "ความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้าฑ หนังสือขายดีติดอันดับที่พิมพ์มาแล้วกว่า 30 ครั้ง และเป็นผู้ที่พิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยการไปดูชีวิตหลังความตายด้วยตนเองและสามารถบอกวิธีให้ทุกคนสามารถทำตามได้อย่างน่าอัศจรรย์ และยังเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จนสามารถพลิกชีวิตจากการมีหนี้สิ้นกว่า 7 ล้านบาท เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาทในระยะเวลาอันสั้น

ท่านอ.ษิริพงศ์ ได้กล่าวไว้ว่า "สำหรับผมแล้ว การศึกษาธรรมะนั้น เราจะต้องศึกษาจากผู้ที่รู้จริงเท่านั้น
เพราะถ้าเป็นผู้ที่รู้ไม่จริงแล้ว เขาจะสอดแทรกความคิดของเขาลงไปในธรรมะ แล้วนำมาสอนเรา เราก็จะต้องหลงไปตามเขา เพราะเราไปศรัทธาของเสียแล้ว โดยลืมหลักการสำคัญไปว่า อาจารย์ไม่รู้ จะสอนศิษย์ให้รู้ได้อย่างไร"
"อาจารย์ที่รู้จริงเป็นอย่างไร สำหรับตัวผม ผู้ที่รู้จริงจะต้องเป็นผู้ที่พิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าได้ด้วยตนเองเช่น สามารถไปดูนรก สวรรค์ มาแล้ว หรืออย่างน้อยจะต้องสามารถไปดูชีวิตหลังความตายได้ และที่สำคัญ จะต้องสอนวิธีปฏิบัติอย่างเป็นขั้นเป็นตอนอย่างละเอียด จนทำให้ผู้อื่นสามารถไปเห็นนรก สวรรค์ หรือไปหลังความตายได้ด้วยตนเอง อย่างนี้จึงจะถือว่าเป็นอาจารย์ที่รู้จริง"

เชิญเข้าร่วมฟังการยรรยายธรรมคอร์ส 1 เรื่อง "ความสำเร็จที่มาจาก การทำทานและรักษาศีลอย่างถูกต้อง"
ครั้งสำคัญนี้ (บรรยายครั้งสุดท้าย) ในวันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2554 เวลา 08.00 น. - 18.00 น.
ที่ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
ค่าใช้จ่ายเพียงท่านละ 200 บาทเท่านั้น ( ค่าอาหารกลางวันและคอฟฟี่เบรก) (รับจำนวนประมาณ 2,700 ท่าน)

สอบถามเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ มูลนิธิพิสูจน์ธรรม (จันทร์-เสาร์ เวลา 08.00 น.- 17.00 น.)
โทร. 02-961-7318, 081-808-6796,086-978-9379
แฟ็กซ์. 02-961-7316
http://www.siripong.net

บรรยายกาศหอประชุมที่ใช้จัดบรรยายธรรมในครั้งนี้









































บรรยากาศบรรยายธรรมะ คอร์ส 1 "ความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า"
08.00 น. - 24.00 น. 9 มีนาคม 2551 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต


























































บรรยากาศบรรยายธรรมะ คอร์ส 1 "ความสำเร็จที่มาจากพระพุทธเจ้า"
เมื่อปี 2549






























เนื้อหาบางส่วนในการบรรยายธรรมครั้งนี้......

พิสูจน์ชีวิตหลังความตาย

บัดนี้ได้เกิดผู้ที่รู้วิธีที่จะพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าได้แล้ว ซึ่งคนอย่างอาจารย์นั้น อาจจะไม่ใช่ผู้ที่รู้มาก แต่สิ่งที่อาจารย์รู้เป็นสิ่งที่รู้จริงแน่นอน และการที่อาจารย์ได้พิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้าได้แล้ว โดยใช้เวลาพิสูจน์ 2 เดือนกับ 20 วัน จึงเป็นผลสำเร็จ ด้วยการถอดกายใน หรือ วิญญาณออกไปหลังความตาย และได้พิสูจน์หลายอย่าง …….

ขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติธรรม เพื่อพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้า

  1. ผู้ต้องการพิสูจน์จะต้องมีศีล 5 บริสุทธิ์
  2. จะต้องเข้ารูปฌาน 4 โดยนั่งสมาธิ
    1. จะต้องนั่งสมาธิ 2 ชั่วโมง ต่อครั้ง
    2. ในแต่ละครั้งที่นั่ง จะต้องดับทุกข์ให้ได้ ( อดทนต่อความเจ็บปวด ที่เกิดขึ้นในขณะที่นั่งสมาธิ )
    3. หากทุกข์ยังไม่ดับ จะต้องนั่งต่อไป ซึ่งถ้านั่งอย่างถูกวิธีแล้ว ทุกข์ควรจะต้องดับภายใน 3 ชั่วโมง เป็นอย่างมาก
  3. ใน 1 วัน จะต้องทำฌานสมาธิ 2 ครั้ง ในเวลา 9:00 – 11:00 น. และ 15:00 – 17:00 น.
  4. จะต้องใช้เวลาในการเก็บตัวทั้งหมด 90 วัน

ในความเป็นจริงแล้ว จิตสามารถแยกออกจากได้ แต่ที่เราไม่สามารถแยกได้ ก็เพราะว่าจิตของเราไม่ได้รับการฝึกฝน เพราะไม่มีผู้รู้มาสอนเรา จิตจึงไม่สามารถแยกออกจากกายได้ ในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่จะต้องแยกออกจากกายแน่นอน ในเวลาที่ต้องตาย

ฉะนั้น จำเป็นต้องฝึกจิตของเรา ให้สามารถดับเวทนาให้ได้ และถ้าเราสามารถดับเวทนาได้แล้ว และทำได้หลายๆ ครั้ง และนั่นหมายถึงว่าจิตของเรา ได้รับการฝึกฝนจนสามารถดับทุกขเวทนาได้ เราก็จะมีโอกาสรู้ถึงความรู้สึกของพระพุทธเจ้า ที่สามารถจะดับทุกขเวทนาในขั้นที่ 1 ได้ ซึ่งขั้นของความทุกข์นั้น อาจจะมีทั้งหมด 100 ขั้น หรืออาจจะมากกว่านี้ก็ได้ เอาไว้ถ้าทุกท่านผ่านทุกข์ขั้นที่ 1 ได้ก่อน ก็จะเข้าใจด้วยตัวเองอย่างแน่นอน

อย่าเพิ่งตกใจนะครับ เพราะที่เราจะพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น เราแค่ผ่านทุกข์ขั้นที่ 1 ได้ก็เพียงพอต่อการพิสูจน์ธรรมะแล้ว และเมื่อเราดับทุกขเวทนาได้หลายๆ ครั้ง ก็จะทำให้จิตกับกาย เกิดสภาวะที่หลวมๆ เพราะตัวเวทนาที่ทำให้จิตกับกายยึดกันอย่างแนบแน่นนั้น บางครั้งได้หายไป เรียกว่า เวทนาดับ และจุดนี้เองที่จะทำให้จิตแยกออกจากกายได้

จิตจะออกนอกร่างอย่างเดียว โดยกายกับเวทนายังอยู่ด้วยกัน

และเมื่อจิตออกไปนอกร่างอย่างนี้ เราจะมีความรู้สึกเหมือนเราได้ไปท่องเที่ยวข้างนอก ได้รู้ได้เห็นทุกอย่าง แต่เมื่อก้มมองตัวเอง กลับมองไม่เห็นตัวเอง สาเหตุเป็นเพราะว่าตัวเวทนานั้นยังติดอยู่กับกาย แต่ที่ออกมาได้คือจิตอย่างเดียว จึงทำได้เพียงรู้กับเห็นเท่านั้น และเมื่อไรที่อยากจะกลับร่าง ก็เพียงแค่นึกกลับเท่านั้น จิตก็จะเข้ามาในกาย จะต่อเชื่อมกับเวทนาและกายทันที เราก็จะรู้สึกตัวและขยับแขนขาได้ตามปกติ

การถอดกายในนั้นเอง โดยที่จิตกับเวทนานั้นจะติดออกมาด้วยกัน

โดยจะทิ้งร่างไว้เท่านั้น ซึ่งความรู้สึกของกายในนั้นจะเหมือนกับตัวเราปกติทุกอย่าง เพราะสามารถจะมองเห็นตัวเอง เสื้อผ้า แหวน นาฬิกา ก็ติดมาด้วย แขน ขา มือไม้ ก็มีครบ ถ้าลองหยิกตัวเอง ก็จะรู้ทันทีว่าเจ็บเหมือนปกติ แต่ถ้าเรานึกว่า เหาะ ก็จะพุ่งขึ้นไปบนอากาศ เหมือนจรวด และถ้านึกจะไปไหน ก็จะไปที่นั่นด้วยความเร็วเท่ากับความนึกคิด ซึ่งจะรวดเร็ว และการถอดกายในนี้เอง ถือเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญในการพิสูจน์ธรรมะของพระพุทธเจ้า เพราะกายในนั้น ถือว่าเป็นวิญญาณ และเมื่อออกมานอกร่างได้ จึงถือว่าเราสามารถที่จะพิสูจน์ชีวิตหลังความตายได้

ส่วนการที่จะเหาะออกไปนอกโลก จนถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือ จะเดินลงไปในนรกนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ ……

( โปรดติดตามเนื้อหาได้ใน การบรรยายธรรมคอร์ส 1 เรื่อง "ความสำเร็จที่มาจาก การทำทานและการรักษาศีล อย่างถูกต้อง" ในวันที่ 5 มิถุนายน นี้ )


น้องพลอย จากภาพยนต์เรื่อง "ความสุขของกะทิ" ชวนให้ทุกท่านมาฟ้งธรรมะบรรยาย

ในวันที่ 5 มิ.ย.นี้ ที่หอประชุมใหญ่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์




น้องแยม ธมลพรรณ์ ภานุชิตพุทธิวงศ์ นักแสดงในบทสำคัญ “เจ้าหญิงวนาลี”

แห่งนครเนมินทร์ที่ต้องคำสาป จากละคร “ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง”

เชิญชวนให้ทุกท่านไปฟังธรรมะบรรยาย





คุณกิตติวงศ์ โพธิ์ปี หรือคุณฟิวส์ พระเอกละคร ดาบเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง ที่กำลังออกอากาศทางช่องเจ็ด ช่วงเช้าวันเสาร์และอาทิตย์ในขณะนี้ เชิญชวนให้ทุกท่านไปฟังการบรรยายธรรม





น้องเอวีน่า จากละครเรื่องเพลิงพรหม ช่อง 7 เชิญชวนให้ทุกท่านไปฟังการบรรยายธรรม


ขั้นตอนการจองที่นั่ง

  1. 1. กรุณาโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาย่อยเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชื่อบัญชี ษิริพงศ์ อัครศรียุกต์ เลขที่บัญชี 758-2-30382-1
  2. 2. ส่งเอกสารหลักฐานการโอนเงินมาที่ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิสูจน์ธรรม แฟ็กซ์: 02-961-7316 หรือ E-mail: pisoodthampr@gmail.com พร้อมระบุ: ชื่อ นามสกุล และเบอร์โทรติดต่อของผู้เข้าฟังธรรม พร้อมระบุ “ จองคอร์ส 1 ”

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ มูลนิธิพิสูจน์ธรรม ( จันทร์-เสาร์ เวลา 08:00 – 17:00 น. )

โทร: 081-808-6796, 086-978-9379, 02-961-7318 แฟ็กซ์: 02-961-7316

www. siripong.net



No comments: