Tuesday, January 15, 2008

เบื้องหลังของความสำเร็จ


เมื่อใดที่มนุษย์มีความปรารถนา เมื่อนั้น "ความสำเร็จ"จะเป็นเป้าหมายที่เขาต้องการ
ทะยานไปให้ถึง แต่การที่จะก้าวเดินไปสู่ความสำเร็จได้ดังใจปรารถนาไม่ใช่เรื่องง่าย คนจำนวน
มากมายมหาศาลเดินทางผิด ต้องล้มลุกคลุกคลาน เพราะไม่รู้ว่าอะไรคือ เบื้องหลังของความสำเร็จ


ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หนังสือประเภท "กุญแจแห่งความสำเร็จ" "ทางลัดสู่ชีวิตใหม่" "ค้นพบความร่ำรวย" ฯลฯ เป็นหนึ่งในบรรดาหนังสือ ขายดี ที่อินเทรนด์ตลอดกาลในวงการหนังสือ และมีเล่มใหม่ๆ ทยอยออกมาวางตลาดอย่างต่อเนื่อง

ที่จริงแล้ว เนื้อหาสาระของหนังสือเหล่านี้ส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน คือ มักจะเน้นเรื่องอานุภาพของจิตใจ ซึ่งพอจะ
สรุปวิธีการได้ว่า ถ้าใครต้องการอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็ให้วางใจให้สงบ ปลอดโปร่ง จากนั้น จินตนาการถึงสิ่งที่อยากได้ และรอผลด้วยใจที่ปล่อยวางเป็นขั้นตอนสุดท้าย

ผู้เขียนหนังสือเหล่านี้กล่าวว่า เมื่อปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดให้แล้ว พลังงานอันทรงอำนาจ ที่แฝงเร้นอยู่ภายในตัวมนุษย์
จะบันดาลให้สิ่งที่ปรารถนาบังเกิดขึ้น และมีผู้ที่ปฏิบัติตามวิธีการ เหล่านี้ หลายๆ คน ประสบความสำเร็จเป็นอัศจรรย์ สามารถสร้างชีวิตใหม่ที่ทำให้คนส่วนใหญ่อิจฉา เช่น มีรถหลายคัน มีบ้านหลายหลัง การงานดี สุขภาพดี มีความรัก
ครอบครัวอบอุ่น รวมทั้งหายจากโรคร้าย หรือถูกลอตเตอรี เป็นต้น

ตามวิธีการของหนังสือเหล่านี้ ลองมาดูกันว่า ถ้าเราอยากได้บ้านสักหลัง จะต้องทำอย่างไร

ขั้นแรก ต้องทำใจให้สงบปลอดโปร่ง ด้วยการสวดอ้อนวอนทำสมาธิ และอื่นๆ เพื่อเป็นการเตรียมจิตใจ

ขั้นที่ ๒ จินตนาการถึงผลที่จะได้รับ โดยทำความรู้สึกเหมือนกับว่าบ้านหลังที่เราต้องการเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
โดยนึกให้เห็นภาพบ้านที่เราต้องการ แล้วใส่รายละเอียดลงไปให้ชัดเจนที่สุด ว่า เป็นบ้านชั้นเดียวหรือสองชั้น บ้านเดี่ยว หรือ
ทาวน์เฮาส์ ทาสีอะไร ตกแต่งอย่างไร ฯลฯ

ขั้นที่ ๓ รอคอยผลลัพธ์ด้วยใจที่ปล่อยวาง ช่วงนี้ต้องทำใจให้สงบ ปล่อยวาง และทำสิ่งต่างๆ ตามแรงบันดาลใจ เพื่อดึงดูด
บ้านหลังนี้ให้เกิดขึ้นกับเราได้จริงๆ

จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่หนังสือก็ขายดิบ ขายดี เพราะจริงๆ แล้ว มนุษย์ทั่วไปย่อมฝันถึงชีวิตที่ดีกว่า และฝันยังเปรียบ
เสมือนพลังที่ผลักดันชีวิตเราให้ก้าวไป ดังบทเพลงที่ว่า "คนเราอยู่กันได้ก็ด้วยฝัน ทุกชนทุกชั้นต่างก็เป็นกันทั้งนั้น ใครจะเติมพลังให้ฝันได้มากกว่ากัน"

บันได ๓ ขั้นตอนนี้ ถ้าใช้ความรู้ในทางพระพุทธศาสนามาวิเคราะห์ ก็จะพบว่า ฝันนี้มีโอกาสเป็นจริง เนื่องจาก

ประการแรก การทำสมาธิ และสวดอ้อนวอน จะทำให้ใจสงบ ปลอดโปร่ง และเป็นทางมาแห่งบุญ บุญจะหลั่งไหลมา บันดาลให้สิ่งที่ปรารถนาบังเกิดเป็นจริงได้

ส่วนการจินตนาการถึงผลที่จะได้รับ ก็คือการอธิษฐานนั่นเอง แต่เป็นการอธิษฐานด้วยภาพ ซึ่งชัดเจนกว่าและมี
พลังกว่าการอธิษฐานด้วยคำพูด เพียงอย่างเดียว ตามคำสอนในพระพุทธศาสนา ถือว่าการอธิษฐานเป็นทางมาแห่งบุญอย่างหนึ่ง
เป็นหนึ่งในบารมี ๑๐ ทัศยิ่งอธิษฐานบุญก็ยิ่งเกิด และจะทำให้ความปรารถนาของเราเป็นจริงเร็วขึ้น

ประการสุดท้าย รอคอยผลลัพธ์ด้วยใจที่ปล่อยวาง การปล่อยวางทำให้ใจปราศจากความวิตกกังวล มีอารมณ์สบาย
ใจที่เบิกบานก็จะสามารถ ดึงดูดสิ่งที่ดีๆ เข้ามาสู่ชีวิตของเราได้

นอกจากนี้ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนาใดก็ตาม ก็ต้องมีบุญเก่าอยู่แล้ว เมื่อได้มาทำตาม ๓ ขั้นนี้ จนกระทั่งใจใสระดับหนึ่งแล้ว สิ่งที่ผู้เขียนเรียกว่า "พลังงานอันทรงอำนาจ" (จริงๆ แล้วก็คือบุญนั่นเอง)ก็จะส่งผล
ทำให้คำอธิษฐานปรากฏเป็นจริง ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ถ้าจะมีผู้ประสบความสำเร็จด้วยวิธีการเหล่านี้

แต่ไม่ได้หมายความว่า ความสำเร็จจะเกิดขึ้นกับทุกคน หรือฝันจะเป็นจริงทุกเรื่องเพราะถ้าไม่มีบุญอยู่เบื้องหลัง
จะขึ้นบันไดกี่ขั้น หรือต่อให้ขึ้นลิฟต์ก็ตาม ก็คงไม่สามารถปั้นฝันให้เป็นจริงได้ เช่น คนที่มีทานบารมีไม่มากพอจะอธิษฐานอย่างไร
ทรัพย์สมบัติก็คงไม่เกิดขึ้น หรือคนที่มีปัญญาบารมีไม่มากพอ จะอธิษฐานให้เป็นคนฉลาดหลักแหลมก็คงจะไม่สำเร็จ เป็นต้น

ดังนั้น เราจึงควรหมั่นสั่งสมบุญ และนำความสำเร็จที่ล้วนเกิดมาจากบุญ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงิน ทอง ลาภ ยศ หน้าที่การงาน ฯลฯ ไปใช้สั่งสมบุญให้ยิ่งๆ ขึ้นแล้วเราจะมีสิทธิโดยชอบธรรมในการเดินทางบนถนนสายที่ชื่อ "ความสำเร็จ"
อย่างมีความสุขตลอดไป โดยมีอักษรจารึกข้างกระเป๋าเดินทางว่า"มนุษย์มีหน้าที่ต่อสู้ แต่บุญคือเบื้องหลังของความสำเร็จ"






No comments: