Thursday, August 2, 2012

หาหมอ 1 สิงหาคม 2555 ...ผลสแกนสมอง ตรวจ MRI หลังผ่า


ไปหาอ.หมอมาแล้นนน...หมอศัลยกรรมประสาทไม่นัดแย้ว...หายแล้นนนน...
แต่ยังคงต้องไปหาหมอหูอยู่อาการคงที่มากเลย...

ตอนตรวจมีน้องนร.แพทย์ด้วย ฟังหมอสอนไปด้วย..นี้เป็นลักษณะของ...ฝรั่งเรียกว่าป๊อปคอร์น..
เป็น.... จะเห็นว่ารอบๆเป็นสีดำไม่สะท้อนแสง..มีเลือดออกอยู่รอบๆ...
โต 2%...ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะมีอาการชัก....จะเป็น....ฯลฯ

คนไข้พอรู้ว่ามีเลือดออกรอบๆด้วย..ช็อกเล็กน้อย
ส่วนใหญ่คนที่เลือดออกในสมองเสียงต่อการตายสูง ไม่ก็พิการ อัมพฤกษ์  อัมพาต
...เรารอดมาได้ไงไม่มีอาการเลย...ไม่ชักด้วย..กลับมาครบทุกอย่างทั้งระบบการทำงาน ความจำ..
ยกเว้นเรื่องการได้ยินหูข้างขวาที่ลดลงครึ่งหนึ่งจากปกติ และยังมีเสียงดังในหูอยู่แต่ไม่มาก...ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้
ยังมีปวดหัวบ้างเล็กน้อย

มีเรื่องจะเล่านิดนึง....ตอนที่หลับไปตอนผ่านั้นไม่ฝันหรือเห็นอะไรนะคะ
แต่ขอย้อนไปเมื่อตอนก่อนจะรู้ว่าเป็นอะไรนิดนึง
วันนั้นเป็นวันพระ รักษาศีลอุโบสถตามปกติ หมอบอกว่าจะให้ตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง...
พอได้ยินคำว่าก้านสมองเท่านั้นล่ะ...มีอาการเบลอ..(แต่หมอก็น่ารักมีปลอบใจด้วยนะ คือมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่หมออยากตรวจให้แน่ใจ)...นี่เราเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ ร้ายแรงขนาดก้านสมองเลยหรือนี่
หมอพูดอะไรต่อจับใจความไม่ได้แล้ว...
ก็มานั่งรอวัดนัดที่หน้าห้องตรวจการได้ยิน ทีนี้ก็เครียด..คิดไปต่างๆนาๆ เราเป็นโรคอะไร...ร้ายแรงถึงสมองเลย...จะตายไหม?....ถ้าเราเป็นอะไรไป....จะ...คิดไปต่างๆนาๆ
อยู่ๆได้กลิ่นกุหลาบหอมมากกกก...พอได้กลิ่นเราก็ตั้งใจดมเลยนะเพื่อว่าเราไม่ได้คิดไปเอง ได้กลิ่นจริงๆ มองๆหาที่มาของกลิ่นก็ไม่เห็น ไม่มีใครเดินผ่านด้วย
ไม่ค่อยมีคนอยู่ด้วย...ตามมาติดๆด้วยกลิ่นมะลิหอมเย็นมาก ตกได้กลิ่นอยู่นานประมาณหายใจเข้าออก 5-6 ครั้ง
ตื่นจากภวังค์ทันที....ก็ไม่รู้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นรึป่าว..จิตของเรา ณ ตอนนั้นมันวูบวาบคล้ายๆจิตของคนใกล้ตาย
เพราะเคยมีกรณีหลายครั้งคนที่ใกล้ตาย บางคนเห็นคนมายืนรอบๆเตียง บางคนเห็นผี บางคนเห็นนางฟ้า

แล้วก็วันที่ 18 กค 2555 ที่ผ่านมา วันพระอีกเหมือนกัน รักษาศีลอุโบสถตามปกติ
วันนี้หมอจะให้สแกนสมองอีกรอบหลังผ่า ระหว่างที่กำลังเดินลงบันได  ได้กลิ่นกุหลาบหอมๆอีกแล้ว (ไม่มีใครเดินผ่านด้วย ตรงบันไดไม่ค่อยมีคน)
จะว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศก็คงไม่ใช่ เพราะกลิ่นมันหอมธรรมชาติ ไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์ และก็ไม่เห็นขวดหรือสเปรย์น้ำหอม


มีอีกเรื่องที่อยากบอกหมอและทีมแพทย์..เวลาหมอตรวจคนไข้เอาเครื่องมือมาส่องหู
หรือตอนบอกอ.หมอสิรรุจน์ว่าเมื่อยไหล่ ปวดหัว...หมอเอามือมาจับไหล่ จับหัว...เอาเครื่องมือมาส่องหู
รู้สึกดีใจและอบอุ่นมากๆ เหมือนหมอได้ตรวจเราแล้ว แทบจะหายป่วย (ทั้งๆที่จริงๆก็ไม่หาย)
หรือเวลาอาการหนักมากๆ นี่ เห็นหมอเหมือนเห็นพระเจ้า

ตอนเซ็นชื่อก่อนผ่า แม้ในเอกสารจะเขียนเอาไว้กลางๆ ไม่มีข้อความใดระบุว่าหากเกิดอะไรขึ้น รพ.จะไม่ต้องรับผิดชอบ
ใจนั้นอยากเขียนเติมไปอย่างนี้จริงๆ "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ฟ้องร้องอะไรใครเด็ดขาด”
ถ้าการผ่ามีปัญหา แต่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างหมอและทีมงานกับเรายังคงอยู่ ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง
เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็ต้องเรียนรู้ต่อไป แก้ไขปัญหากันต่อไป ก็แค่นั้นเอง
ไม่ว่าผลการผ่าจะเป็นไง ฉันจะไม่โทษใครไม่ฟ้องร้องใคร เพราะฉันวางใจในเพื่อนมนุษย์ เชื่อว่าในจิตใจส่วนที่ลึกที่สุดของมนุษย์ทุกคนมีความดีงามอยู่

ระลึกนึกถึงหมอและทีมแพทย์เสมอ...แต่หมอคงจำไม่ได้เพราะคนไข้เยอะ
และคนไข้เองก็จำหมอได้ไม่หมดทุกคน..บางทีจำได้แต่เสียงหมอเห็นหน้าหมอไม่ชัด เลยไม่รู้ว่าหมอคนไหน

และขอบคุณหมออีกเช่นกัน ที่ทำให้มีโอกาสได้ตัดผมใหม่ เท่ห์อย่าบอกใคร
เพราะหากไม่ได้ผ่า คงไม่มีโอกาสทำผมทรงนี้


อีกคนที่ต้องบอกทำนองนี้ก็คนที่ขับรถพาเราไปไหนต่อไหน...เขาจะได้สบายใจ...
ขอบคุณที่คอยขับพาฉันไปไหนต่อไหนหากมีอุบัติเหตุแล้วฉันเป็นอะไรไป
 ฉันขอให้อภัยคุณไว้ล่วงหน้าอย่างไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าจะโดยสุดวิสัยหรือโดยประมาท
รวมทั้งครอบครัวฉันจะไม่ฟ้องร้องอะไรคุณด้วย และหากมีคู่กรณีก็ฝากให้อภัยเขาไว้ล่วงหน้าด้วยด้วยเช่นกัน
อย่าไปทำอะไรเขา ส่วนเรื่องบ้านเมืองจะทำอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของบ้านเมืองไป

No comments: