แต่ยังคงต้องไปหาหมอหูอยู่อาการคงที่มากเลย...
ตอนตรวจมีน้องนร.แพทย์ด้วย ฟังหมอสอนไปด้วย..นี้เป็นลักษณะของ...ฝรั่งเรียกว่าป๊อปคอร์น..
เป็น.... จะเห็นว่ารอบๆเป็นสีดำไม่สะท้อนแสง..มีเลือดออกอยู่รอบๆ...
โต 2%...ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะมีอาการชัก....จะเป็น....ฯลฯ
คนไข้พอรู้ว่ามีเลือดออกรอบๆด้วย..ช็อกเล็กน้อย
ส่วนใหญ่คนที่เลือดออกในสมองเสียงต่อการตายสูง ไม่ก็พิการ อัมพฤกษ์ อัมพาต
...เรารอดมาได้ไงไม่มีอาการเลย...ไม่ชักด้วย..กลับมาครบทุกอย่างทั้งระบบการทำงาน ความจำ..
ยกเว้นเรื่องการได้ยินหูข้างขวาที่ลดลงครึ่งหนึ่งจากปกติ และยังมีเสียงดังในหูอยู่แต่ไม่มาก...ก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้
ยังมีปวดหัวบ้างเล็กน้อย
มีเรื่องจะเล่านิดนึง....ตอนที่หลับไปตอนผ่านั้นไม่ฝันหรือเห็นอะไรนะคะ
แต่ขอย้อนไปเมื่อตอนก่อนจะรู้ว่าเป็นอะไรนิดนึง
วันนั้นเป็นวันพระ รักษาศีลอุโบสถตามปกติ หมอบอกว่าจะให้ตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง...
พอได้ยินคำว่าก้านสมองเท่านั้นล่ะ...มีอาการเบลอ..(แต่หมอก็น่ารักมีปลอบใจด้วยนะ คือมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่หมออยากตรวจให้แน่ใจ)...นี่เราเป็นโรคอะไรก็ไม่รู้ ร้ายแรงขนาดก้านสมองเลยหรือนี่
หมอพูดอะไรต่อจับใจความไม่ได้แล้ว...
ก็มานั่งรอวัดนัดที่หน้าห้องตรวจการได้ยิน ทีนี้ก็เครียด..คิดไปต่างๆนาๆ เราเป็นโรคอะไร...ร้ายแรงถึงสมองเลย...จะตายไหม?....ถ้าเราเป็นอะไรไป....จะ...คิดไปต่างๆนาๆ
อยู่ๆได้กลิ่นกุหลาบหอมมากกกก...พอได้กลิ่นเราก็ตั้งใจดมเลยนะเพื่อว่าเราไม่ได้คิดไปเอง ได้กลิ่นจริงๆ มองๆหาที่มาของกลิ่นก็ไม่เห็น ไม่มีใครเดินผ่านด้วย
ไม่ค่อยมีคนอยู่ด้วย...ตามมาติดๆด้วยกลิ่นมะลิหอมเย็นมาก ตกได้กลิ่นอยู่นานประมาณหายใจเข้าออก 5-6 ครั้ง
ตื่นจากภวังค์ทันที....ก็ไม่รู้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นรึป่าว..จิตของเรา ณ ตอนนั้นมันวูบวาบคล้ายๆจิตของคนใกล้ตาย
เพราะเคยมีกรณีหลายครั้งคนที่ใกล้ตาย บางคนเห็นคนมายืนรอบๆเตียง บางคนเห็นผี บางคนเห็นนางฟ้า
แล้วก็วันที่ 18 กค 2555 ที่ผ่านมา วันพระอีกเหมือนกัน รักษาศีลอุโบสถตามปกติ
วันนี้หมอจะให้สแกนสมองอีกรอบหลังผ่า ระหว่างที่กำลังเดินลงบันได ได้กลิ่นกุหลาบหอมๆอีกแล้ว (ไม่มีใครเดินผ่านด้วย ตรงบันไดไม่ค่อยมีคน)
จะว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศก็คงไม่ใช่ เพราะกลิ่นมันหอมธรรมชาติ ไม่ใช่กลิ่นสังเคราะห์ และก็ไม่เห็นขวดหรือสเปรย์น้ำหอม
หรือตอนบอกอ.หมอสิรรุจน์ว่าเมื่อยไหล่ ปวดหัว...หมอเอามือมาจับไหล่ จับหัว...เอาเครื่องมือมาส่องหู
รู้สึกดีใจและอบอุ่นมากๆ เหมือนหมอได้ตรวจเราแล้ว แทบจะหายป่วย (ทั้งๆที่จริงๆก็ไม่หาย)
หรือเวลาอาการหนักมากๆ นี่ เห็นหมอเหมือนเห็นพระเจ้า
ตอนเซ็นชื่อก่อนผ่า แม้ในเอกสารจะเขียนเอาไว้กลางๆ ไม่มีข้อความใดระบุว่าหากเกิดอะไรขึ้น รพ.จะไม่ต้องรับผิดชอบ
ใจนั้นอยากเขียนเติมไปอย่างนี้จริงๆ "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ฟ้องร้องอะไรใครเด็ดขาด”
ถ้าการผ่ามีปัญหา แต่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างหมอและทีมงานกับเรายังคงอยู่ ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่ง
เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็ต้องเรียนรู้ต่อไป แก้ไขปัญหากันต่อไป ก็แค่นั้นเอง
ไม่ว่าผลการผ่าจะเป็นไง ฉันจะไม่โทษใครไม่ฟ้องร้องใคร เพราะฉันวางใจในเพื่อนมนุษย์ เชื่อว่าในจิตใจส่วนที่ลึกที่สุดของมนุษย์ทุกคนมีความดีงามอยู่
ระลึกนึกถึงหมอและทีมแพทย์เสมอ...แต่หมอคงจำไม่ได้เพราะคนไข้เยอะ
และคนไข้เองก็จำหมอได้ไม่หมดทุกคน..บางทีจำได้แต่เสียงหมอเห็นหน้าหมอไม่ชัด เลยไม่รู้ว่าหมอคนไหน
และขอบคุณหมออีกเช่นกัน ที่ทำให้มีโอกาสได้ตัดผมใหม่ เท่ห์อย่าบอกใคร
เพราะหากไม่ได้ผ่า คงไม่มีโอกาสทำผมทรงนี้
อีกคนที่ต้องบอกทำนองนี้ก็คนที่ขับรถพาเราไปไหนต่อไหน...เขาจะได้สบายใจ...
ขอบคุณที่คอยขับพาฉันไปไหนต่อไหนหากมีอุบัติเหตุแล้วฉันเป็นอะไรไป
ฉันขอให้อภัยคุณไว้ล่วงหน้าอย่างไม่มีเงื่อนไขไม่ว่าจะโดยสุดวิสัยหรือโดยประมาท
รวมทั้งครอบครัวฉันจะไม่ฟ้องร้องอะไรคุณด้วย และหากมีคู่กรณีก็ฝากให้อภัยเขาไว้ล่วงหน้าด้วยด้วยเช่นกัน
อย่าไปทำอะไรเขา ส่วนเรื่องบ้านเมืองจะทำอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของบ้านเมืองไป
No comments:
Post a Comment