Saturday, June 7, 2008

ก่อนตัดสินใจแต่งงาน - ตอบคำถามนี้ก่อน



เห็นสาวๆทั้งหลายวิตกกังวลกันเหลือเกินว่า หลังแต่งงานแล้ว ชีวิตรักจะชืดจืดจางไม่มีรสชาติ อยู่เป็นคู่รักกันไปนานๆดีกว่า ส่วนมากที่อยู่เป็นคู่รักกันไปนานๆ มักจะไม่ได้แต่งหรอกครับ เพราะไม่มีความจำเป็นต้องแต่งงาน เกิดเป็นความเคยชิน ยิ่งถ้าฝ่ายชายไม่ได้คิดอยากจะมีทายาทแล้วละก็ เขาคงไม่คิดจะแต่งงานให้เป็นภาระหรอกครับ

ส่วนหนุ่มๆทั้งหลายก็วิตกกังวลว่า หากแต่งงานไปแล้ว ชีวิตจะขาดอิสรภาพ มีห่วงคล้องคอ จะไปไหนมาไหน ต้องมาคอยตอบคำถาม โดนซักฟอกกันให้ปวดหัวรำคาญใจ ก็เลยอยากใช้ชีวิตโสดให้คุ้มค่าไปนานๆก่อน จนกลายเป็นความเคยชิน และไม่อยากแต่งงาน นอกจากจะโดนมัดมือชกจริงๆ หรือตกกระไดพลอยโจน

ก่อนตัดสินใจแต่งงาน ตอบคำถามต่อไปนี้ดูก่อนเป็นไร:


1. เรารักเขาไหม?

เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด เพราะถ้าปราศจากความรักแล้ว ไม่ควรแต่งงานอย่างเด็ดขาด และคำว่ารัก ในที่นี้ คือ ต่อไปนี้ คงไม่ไปหลงรักใครอีกแล้ว คนที่เราจะแต่งงานด้วย คือรักครั้งสุดท้ายของเรา และเราจะไม่คิดไปสร้างสัมพันธ์รัก สัมพันธ์สวาท กับใครอีก ไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเพื่อนต่างเพศจนเกิดเป็นความรัก ความผูกพันได้อีก นอกเสีียจากว่า คู่ครองของเราจะตายจากเราไปแล้วเท่านั้น


2. เราพร้อมทางด้านจิตใจหรือเปล่า?

คือ พร้อมที่จะร่วมทั้งทุกข์ ร่วมทั้งสุข ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากที่แต่งงานกันไปแล้ว เราพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา โดยไม่คิดจะทอดทิ้งกันเสียก่อน เขาอาจจะเจ็บป่วย หรือ พิการหลังจากที่แต่งงานกันไปแล้ว เราพร้อมที่จะดูแลเขาไหม หรือเขาอาจจะตกงาน ไม่มีเงิน เราพร้อมที่จะช่วยกันก่อร่างสร้างตัวไหม หรือถ้าเขาอาจทำอะไรผิดพลาดไป หรือ ทำอะไรให้เราโกรธไม่พอใจ เราพร้อมที่จะอภัยให้เขาได้ไหม ถ้าเราคาดหวังเพียงความสุขจากการแต่งงาน ไม่ควรแต่งงานอย่างเด็ดขาด เพราะชีวิต คงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปหรอกนะครับ


3. เราพร้อมทางด้านการเงินไหม?

มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีรายได้เพียงพอ มีเงินเก็บจำนวนหนึ่งที่พอจะเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงานแต่งงานได้ และยังพอมีเงินสำรองได้บ้างอีกจำนวนหนึ่งไว้ยามฉุกเฉิน เพราะ ความรัก ถ้าขาดเงิน ความรักก็ไม่หวานหรอกนะ ถ้าต้องพากันไปกัดก้อนเกลือกิน ความเครียดจะมีตามมา เมื่อเครียดแล้ว ก็อาจทะเลาะเบาะแว้งกันได้ อารมณ์รัก อารมณ์ใคร่ ก็จะลดลง คนบางคนก็จะพาลโทษคู่ของตนเอง โยนความผิดให้กันและกันในยามมีอารมณ์เครียด ถ้ายังมีปัญหาเรื่องเงินอยู่ ก็อย่าเพิ่งแต่งงาน รับผิดชอบตัวเองให้ได้ก่อน อย่าแต่งงานเพราะอยากหาที่พึ่งทางด้านการเงิน เพราะนั่น คงไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความโลภ อยากสุขสบายโดยไม่ต้องทำงาน อยากได้ในสิ่งที่เขามีเพื่อเอามาเป็นของตนเอง เราเองก็คงไม่ชอบใจนัก ถ้ารู้ว่า คนที่อยากแต่งงานกับเรา ไม่ใช่เพราะรักเรา แต่เพราะเห็นแก่เงินของเราต่างหาก สิ่งใดที่เราไม่ชอบให้คนอื่นทำกับเรา เราเองก็ไม่ควรทำอย่างนั้นกับคนอื่นเช่นกัน


4. เราพร้อมทางด้านร่างกายหรือเปล่า?

ความรักและการแต่งงาน จำเป็นต้องมีเรื่องความต้องการทางเพศเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตการแต่งงานด้วย เรามีทัศนคติเรื่องเพศสัมพันธ์ถูกต้องหรือไม่ ถ้าเราเห็นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องจำเป็น นั่นเราคิดผิดแล้ว ทั้งหญิงและชาย ต้องเรียนรู้ที่จะทำให้คู่ของตนมีความสุขทางเพศ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบกพร่อง อาจมีปัญหาเรื่องการนอกใจตามมาได้ เพราะเพศสัมพันธ์ เป็นแรงขับภายในร่างกายตามธรรมชาติ หรือถ้าเราคิดว่า ยังอยากสนุกกับการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของเรา ถ้าคิดอย่างนี้ก็อย่าเพิ่งแต่งงานเลย เพราะขืนแต่งงานไป ปัญหาบ้านแตกก็คงมีตามมา และคู่ครองของเรา ก็คงไม่มีความสุขในชีวิตแต่งงานเป็นแน่

ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อยากมีลูก ควรต้องคุยกันก่อนแต่งงาน เพราะถ้าหลังจากแต่งงานแล้ว อาจไม่มีลูกสมใจหมาย ปัญหาในชีวิตสมรส ก็อาจมีตามมาได้ ผู้ชายอาจจะอ้างได้ เรื่องการมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เพื่อจะมีทายาทให้กับตนเองได้ หรือฝ่ายหญิงอาจอยากมีลูก แต่ฝ่ายชายเป็นหมัน ปัญหาความคับข้องใจก็อาจมีตามมาได้ ควรได้นำเรื่องการมีลูกมาคุยกันก่อนแล้วก่อนแต่งงาน ถ้าทั้งสองฝ่ายรักกัน และไม่ได้มีเป้าหมายว่า จะต้องมีลูกด้วยกัน จึงควรจะแต่งงานกัน จริงๆแล้ว ลูก ไม่ใช่โซ่ทองคล้องใจ สำหรับคู่สมรสบางคู่ บางคนมีลูกด้วยกัน 1 - 4 คน แต่ก็ยังหย่าร้างกันได้ บางคนไม่มีลูกด้วยกัน แต่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนวันตายก็มีหลายคู่

ถ้าเรามีโรคประจำตัว หรือมีสุขภาพไม่ดี ควรได้คุยกันก่อนแต่งงาน ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่รังเกียจ และยินดีจะดูแลเรา ก็ควรแต่งงานกัน ไม่ใช่ปิดบังเอาไว้ แล้วไปรู้เอาทีหลัง หลังจากที่แต่งงานกันไปแล้ว ถ้าเรารู้ตัวว่าตนเองอาจเป็นภาระของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ไม่ควรคิดเอาเปรียบ ด้วยการหลอกให้เขามาแต่งงานกับเรา เว้นไว้เสียแต่ว่า อีกฝ่ายหนึ่งนั้น เขารักเรามาก และยินดีจะร่วมทุกข์ร่่วมสุขด้วย แม้เราจะมีโรคประจำตัว ยังไงๆก็ควรบอกกันให้รู้ก่อนดีกว่าการปิดบังอำพราง


การแต่งงาน คือ การที่คนสองคนที่รักกัน ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปตลอดชีวิต จะยินดีร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ทั้งในยามเจ็บไข้ได้ป่วยและยามมีสุขภาพดี ทั้งในยามขัดสนและยามมั่งมีศรีสุข เขาสองคนจะไม่ทอดทิ้งกัน จะรักและซื่อสัตย์ต่อกัน โดยไม่มีชายอื่นหรือหญิงอื่นอีกแล้ว การแต่งงาน ทำให้คนสองคน กลายเป็นคนเดียวกันตามกฏหมาย และหล่อหลอมดวงใจสองดวงให้เป็นดวงเดียวกัน

ถ้าเมื่อไรเรารักใครได้อย่างน้ี และมีทัศนคติต่อการแต่งงานแบบนี้แล้ว รีบแต่งงานกันเถอะครับ จะได้มีความสุขด้วยกันตลอดชีวิต แม้ในยามที่ชีวิตมีปัญหา คนรักกันก็จะกอดกันไว้ ให้กำลังใจกัน ไม่กล่าวโทษกัน ไม่ซ้ำเติมกัน และจะร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายในชีวิตไปได้

ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่าน ได้แต่งงานกับคนที่เรารัก และเขาก็รักเราอย่างจริงใจ ได้ใช้ชีวิตสมรสอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข รักกัน เข้าใจกัน ยอมรับซึ่งกันและกัน และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดไปนะครับ

ขอขอบคุณ oknation.net/blog/pimahn

No comments: