Wednesday, April 22, 2009

โพชฌังคปริตร

โพชฌังคปริตร



โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา
( โพชฌงค์ 7 ประการ คือ สติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์ )
วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะ ตะถาปะเร
( วิริยะสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ )
สะมาธุเปกขะโพชฌังคา
( สมาธิสัมโพชฌงค์ และอุเบกขาสัมโพชฌงค์ )
สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา
( 7ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว )
ภาวิตา พะหุลีกะตา
( อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว )
สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะ โพธิยา
( ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน )
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
เอกัสมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะ กัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา
( ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้า ทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ
และพระมหากัสสปะเป็นไข้ ได้รับความลำบาก )
โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ
( จึงทรงแสดงโพชฌงค์ 7 ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง )
เต จะ ตัง อะภินันทิตวา
( ท่านทั้งสองนั้น ชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌงคธรรม )
โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ
( โรคก็หายได้ในบัดดล )
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
เอกะทา ธัมมะราชาปิ เคลัญเญนาภิปีฬิโต
( ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง (พระพุทธเจ้า) ทรงประชวรเป็นไข้หนัก )
จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตวานะ สาทะรัง
( รับสั่งให้พระจุนทะเถระ กล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ )
สัมโมทิตวา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิ ฐานะโส
( ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัย หายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน )
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ )
ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิ มะเหสินัง
( ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง 3 องค์นั้น หายแล้วไม่กลับเป็นอีก )
มัคคาหะตะกิเลสาวะ ปัตตานุปปัตติธัมมะตัง
( ดุจดังกิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้ว ถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา )
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ
( ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้ )
โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
( ขอความสวัสดี จงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ เทอญ. )


โพชฌังคปริตร ถือเป็นพุทธมนต์ที่ช่วยให้คนป่วยที่ได้สดับตรับฟังธรรมบทนี้แล้วสามารถหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้
ที่เชื่ออย่างนี้เพราะมีเรื่องในพระไตรปิฎกเล่าว่า พระสัมมาสัมพุทธเจา้ได้เสด็จไปเยี่ยมพระมหากัสสปะที่อาพาธ
พระองค์ทรงแสดงสัมโพชฌงค์แก่พระมหากัสสปะ พบว่าพระมหากัสสปะสามารถหายจากโรคได้
อีกครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทรงแสดงธรรมบทนี้แก่พระโมคคัลลานะซึ่งอาพาธ หลังจากนั้น พบว่า พระโมคคัลลานะก็หายจากอาพาธได้
ในที่สุด เมื่อพระพุทธองค์เองทรงอาพาธ จึงตรัสให้พระจุนทะเถระแสดงโพชฌงค์ถวาย ซึ่งพบว่าพระพุทธเจ้าก็หายประชวร

พุทธศาสนิกชนจึงพากันเชื่อว่า โพชฌงค์นั้น สวดแล้วช่วยให้หายโรคได้ ซึ่งในพระไตรปิฎกกล่าวว่า ธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นธรรมเกี่ยวกับ

ปัญญา เป็นธรรมชั้นสูง ซึ่งเป็นความจริงในเรื่องการทำใจให้สว่าง สะอาดผ่องใส ซึ่งสามารถช่วยรักษาใจ เพราะจิตใจมีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับ

ร่างกาย เนื่องจากกายกับใจเป็นสิ่งที่อาศัยกันและกัน จึงทำให้หายจากโรคได้

No comments: