Saturday, July 14, 2007

วิธีทำให้คนที่เราเกลียดหายวับไปจากโลกนี้ (แบบพุทธนะจ๊ะ)

"ไม่ชอบหน้าเพื่อนร่วมงานคนนี้เลย เลวไม่มีที่ติ ชอบนินทาเราประจำ
แต่ก็ต้องเจอหน้ากันทุกวัน เครียดมาก..ก อยากจะลาออกจากงานวันละร้อยหน
แต่ก็กลัวหางานใหม่ไม่ได้ เฮ้อ..! จะทำอย่างไรดีเรา"
สมรศรี

"นักการเมืองคนนี้ ได้ยินชื่อทีไร เกลียดเข้ากระดูกดำจริงๆ " สิทธิชัย

" ไม่ชอบนิสัยเจ้านาย จ้องหาเรื่องเล่นงานเราได้ทุกเช้า นี่จะทนไม่ไหวแล้วนะเฟ้ย " จ๊อด

สังคมไทยของเราในขณะนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เกลียดชัง ไปทั่วทุกหนแห่ง ทีนี้เราจะแก้ไขอย่างไรดี คงบอกได้ว่าปัญหานี้เป็นความรุนแรงเชิงโครงสร้าง โครงสร้างของสังคมมันบีบคั้น ที่ทำให้แม้แต่คนดี ๆ ก็ต้องจำใจเอาเปรียบคนอื่น ไม่อย่างนั้นมันก็อยู่ไม่รอด (ลองนึกถึงภาพคนแย่งกันขึ้นรถเมล์) ปัญหานี้คงเป็นเรื่องที่ต้อง ร่วมมือกันทุกฝ่ายครับ พุทธศาสนาช่วยได้แน่ หากชาวพุทธรู้จักศึกษาพุทธศาสนากันอย่างจริงจัง

ในขั้นต้นนี้ ขอเสนอวิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในแง่ส่วนบุคคลไปก่อนก็แล้วกัน โดยขอเสนอวิธีแก้ปัญหาความขัดแย้งเกลียดชังที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลอย่างเฉียบขาด ด้วยบทความเรื่อง "วิธีทำให้คนที่เราเกลียดหายวับไปจากโลกนี้ (แบบพุทธนะจ๊ะ)" รายละเอียดจะเป็นเช่นไร ขอเชิญติดตามได้ ณ บัดนี้


วิธีทำให้คนที่เราเกลียดหายไปจากโลกนี้ (แบบพุทธ)
สมมุติว่ามีใครคนหนึ่ง มาทำร้ายคนที่คุณรัก ให้สิ้นชีวิตลงต่อหน้า ตามหลักพุทธศาสนาสอนไว้ว่า ต่อให้คุณนำเอาคนชั่ว ๆ นั้นไปต้มยำทำแกงให้หายแค้น จนตายกับมือมันก็ยังไม่หนำใจ หรือจะเอาไปเผาไฟให้ไหม้กลายเป็นจุลอีกสักกี่ร้อยหนก็ตามใจ ทว่าบาดแผลความเจ็บปวดที่เขาทำกับคุณไว้นั้น มันก็ยังคงฝังลึกอยู่ ไม่หายไปไหน มันคงฝังแน่นอยู่ในใจของคุณไปจนตราบชั่วฟ้าดินสลาย มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเยียวยารักษาบาดแผลในใจคุณให้หายเป็นปรกติได้ นั่นคือ "การให้อภัย"

ฆัตวาสูตรที่ ๑
เทวดานั้น ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระ- ผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า ฆ่าอะไรหนอจึงอยู่เป็นสุข ฆ่าอะไรหนอจึงไม่เศร้าโศก ข้าแต่พระโคดม พระองค์ชอบฆ่าอะไรซึ่งเป็นธรรมอันเดียว ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ฆ่าความโกรธเสียได้จึงอยู่เป็นสุข ฆ่าความโกรธเสียจึงไม่ เศร้าโศก แน่ะ เทวดา พระอริยเจ้าทั้งหลาย สรรเสริญ
การฆ่าความโกรธ ซึ่งมีรากเป็นพิษ มียอดหวาน เพราะฆ่า ความโกรธนั้นเสียแล้วย่อมไม่เศร้าโศก ฯ
สุตตันต. เล่ม๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ข้อ ๑๙๘-๑๙๙ หน้า ๕๗

วิธีที่จะทำให้คนที่เราเกลียดชังหายไปจากโลกนี้ ก้ออย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้นนั่นแหละ ว่าถึงแม้จะทำลายคน ๆ นั้นให้กลายเป็นผุยผง ความเกลียดชังนั้น ก็ยังคงอยู่กับเราไม่หายไปไหน ทีนี้จะทำอย่างไรดี
เคล็ดลับอยู่ตรงนี้ คือท่านบอกให้ "ฆ่า" เลย แต่เป็นการ "ฆ่า" ที่ตัวต้นตอ คือความโกรธเกลียดที่อยู่ในใจของเรา ท่านว่าใครฆ่าเจ้าตัวนี้ได้ คนที่เราเกลียดจะหายวับไปกับตา จะกลับกลายเป็นเพื่อนมนุษย์ที่น่าเห็นอกเห็นใจมาแทนที่ คนที่ไม่มีความโกรธกลียดอยู่ในใจนั่น แน่นอนว่า โลกของเขาย่อมจะกลายเป็นโลกแห่งความสุขสดชื่น ไม่มีคำว่าโศกเศร้าอีกต่อไป (ดูพุทธพจน์ข้างบนประกอบ)

แต่ขออภัย.. งานนี้ พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะจิตใจของคุณจะต้องมีความมั่นคงหนักแน่น และ ไม่ยอมแพ้ คุณจะต้องมั่นใจตนเองว่า คุณสามารถทำได้ ถ้าคุณมีความมั่นใจตนเอง คุณก็จะสามารถทำให้คนที่คุณเกลียดหายหมดไปจากโลกนี้ทุกคน ด้วยฝีมือของคุณเอง

เทคนิค"ฆ่า" ความโกรธ ที่พระพุทธองค์ได้แนะนำไว้ในพระไตรปิฎก เครือข่ายฯขอนำมาอธิบายเป็นกระบวนการปฏิบัติที่เข้าใจง่าย ขอเพียงแต่คุณมีความเชื่อมั่นพร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ที่จะมาท้าทายคุณ แล้วคุณก็จะพบด้วยตัวของคุณเองว่า เมื่อใดที่ "ความเกลียด" ของคุณหมดสิ้นไป คนที่คุณเกลียดชังรอบๆ ตัวคุณก็จะค่อย ๆ หายหมดไปทีละคน ๆ อย่างน่ามหัศจรรย์

พร้อมกันหรือยัง ต่อไปนี้ คือขั้นตอนในการปฏิบัติ ขอเชิญติดตามได้เลย

๑. ขั้นแรก ให้เตือนตัวเองก่อนเลยว่า ถ้าคุณไม่ชอบหน้าใคร ยิ่งคุณไปนึกถึงความชั่วของเขาทุกวัน คุณก็ยิ่งจะเกลียดเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ และ ความเกลียดชังที่คุณสะสมไว้นี่เอง ที่มันจะเป็นเชื้อไฟเผาอกคุณให้ร้อนอกร้อนใจตลอดไป

๒. ขั้นที่สอง ตามหลักพุทธพจน์ที่ยกมาข้างต้น อาวุธที่จะสามารถ "ฆ่า" ความโกรธได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ "ความเมตตา" "ความคิดปรารถนาดี " และ "ความคิดเห็นคุณค่าคุณความดี" ต่อคนที่เราเกลียดชังนั้น ขอให้คุณมั่นใจใน "อาวุธ" ฆ่าความโกรธนี้ว่าสามารถช่วยคุณได้แน่นอน

๓. ขั้นที่สาม ให้เริ่มต้นด้วยการตั้งสัจจะกับตัวเอง ( ยิ่งกล่าวต่อหน้าพระพุทธรูป จะได้ผลดีที่สุด ) ว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต่อไปนี้ ข้าพเจ้าจะ ไม่คิดในแง่ร้าย ต่อนาย หรือ นส. หรือ นาง ....(คนที่เราเกลียด) ...อย่างเด็ดขาด แต่จะคิดในสิ่งที่ดีๆ มองให้เห็นในแง่ดี , มองด้วยความ กรุณา , ยกย่องในส่วนที่ดี (ไม่ใช่ยกยอนะ) , มองแต่ในเชิงบวก จะระดมความคิดในแง่ดีถึงคน ๆ นี้ ทุกครั้งที่ได้เห็น ได้ยิน หรือ นึกถึง ทุกครั้งไป โดยจะไม่ยอมเผลอพลาดพลั้งไปคิดแง่ร้ายกับเขาแม้แต่เพียงครั้งเดียว

๔.เมื่อตั้งสัจจะแล้ว ต่อไปคุณก็จะได้สนุกกับการ "เล่น" กับความคิดของตนเอง เพราะมันจะมีเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างมาท้าทายคุณ ว่าจะ สามารถทำได้หรือไม่ คุณจะสามารถคิดดีต่อเขาไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ ขอให้คิดว่ามันเป็น"เกม" ที่ท้าทายว่าคุณจะทำได้หรือไม่

๕.หากคุณทำได้ตามที่ตั้งกติกากับตนเองไว้ อานิสงส์ที่จะเกิดขึ้น คือ คนที่คุณเกลียดชังแต่ละคน ก็จะค่อยๆ หายจากโลกนี้ไป คงเหลือแต่คนที่น่าสงสาร น่าเห็นอกเห็นใจ มาแทนที่ และ จะไม่มีใครมาให้คุณต้องเกลียดชังอีกต่อไป

No comments: