Sunday, April 8, 2007

เราเกิดมาทำไม (ตอนที่ 3)

การกลับชาติมาเกิดในมุมมองของจิตแพทย์

จิตแพทย์ชาวตะวันตกส่วนใหญ่ มีพื้นฐานความเชื่อตามศริสตศาสนา ซึ่งตามปกติไม่มีการสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด จึงไม่มีใครเชื่อว่าวัฏสงสารมีจริง อย่างไรก็ดี ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา กลุ่มจิตแพทย์ที่ศึกษาค้นคว้าหาวิธีรักษาโรคจิต ด้วยวิธีการให้คนไข้กำหนดจิต เข้าไปสู่ประสบการณ์ในอดีต ได้ค้นพบว่าปัญหาทางจิตใจของคนไข้ส่วนใหญ่ล้วนเกิด จากประสบการณ์ หรือการประสบเหตุการณ์ที่รุนแรงในอดีต รวมถึงอดีตชาติ ทำให้เกิดจิตวิปลาส โรคประสาท หรือเกิดปมปัญหาทางใจขึ้น

อาจารย์เคยศึกษาข้อมูลจากการวิจัยของจิตแพทย์ชาวตะวันตกหลายๆคน ตัวอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ได้แก่ การวิจัยของ ดร.ไบรอัน ไวส์ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานของภาควิชาจิตเวชศาสตร์โรงพยาบาลเมาท์ไซไน รัฐไมอามี่ (ผู้ที่แต่งหนังสือเรื่องเราจะข้ามเวลามาพบกัน) ดร.ไวส์ เป็นผู้หนึ่งที่รักษาคนไข้ของเขาด้วยวิธีการ Past Life Regression Therapy หมายถึงการฟื้นความทรงจำย้อนกลับไปยังอดีตชาติ คนไข้ที่รับการรักษาด้วยวิธีนี้จะไม่ได้หลับไป และคลื่นสมองก็แตกต่างจากสภาวะหลับ หากแต่เป็นสภาวะที่เหมือนกับการทำสมาธิของผู้ปฏิบัติธรรมแบบพุทธหรือลัทธิเต๋า ภายใต้สภาวะการรวบรวมจิตเป็นสมาธิดังกล่าวคนไข้จะสามารถสัมผัสได้ถึงสมาธิระดับลึก ทำให้รับรู้ถึงประสบการณ์ในอดีตได้ และบางกรณีสามารถจำอดีตชาติได้

การรักษาโรคจิตด้วยวิธีดังกล่าว เมื่อคนไข้ระลึกถึงประสบการณ์รุนแรงในอดีตได้ ทำให้คนไข้สามารถเข้าใจแรงผลักดันที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมของตน ช่วยให้อุปทานยึดมั่นถือมั่นคลายลง อาการทางจิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็สามารถหายได้ ตัวอย่างเช่น คนที่กลัวน้ำมากไม่กล้าหัดว่ายน้ำ มีสาเหตุมาจากสมัยเด็กๆ เคยตกน้ำเกือบจมน้ำตาย จนเกิดความฝังใจกลัวมาตั้งแต่เด็กเป็นต้น

การรักษาด้วยวิธีการกำหนดจิตสู่อดีตนี้ เมื่อดร.ไวส์ ทำการรักษามาเรื่อยๆ ก็พบว่า คนไข้บางคนสามารถฟื้นความทรงจำระลึกย้อนกลับไปถึงอดีตชาติอันยาวนานนับศตวรรษได้ และประสบการณ์ที่ได้จากการรักษาด้วยวิธีนี้ทำให้เกิดความก้าวหน้าที่สำคัญในการศึกษา เรื่องเป้ฯอมตะของจิตวิญญาณและเรื่องการตายการเกิด ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเชื่อเรื่อ่งการเวียนว่ายตายเกิดตามหลักศาสนาพุทธนั่นเอง นอกจากนี้ ยังได้มีการศึกษาถึงประสบการณ์ของคนที่กำลังจะตาย พบว่าคนไข้ทุกรายเมื่ออยู่ในสภาวะที่กำลังจะตาย สัญญา(ความจำได้หมายรู้) ของการกระทำในอดีตทั้งที่เป็นกุศลและอกุศลจะเข้ามาในมโนภาพที่เคยทำบาปอกุศลไว้กับผู้ใด ความรู้สึกของผู้ที่เราเคยทำบาปไว้กับเขา รวมถึงความทุกข์ของญาติพี่น้องของเขาก็จะเข้ามาในจิตสำนึก ทำให้เรามีประสบการณ์ทุกข์เหมือนตกนรก หรือในทางตรงข้าม ที่เราเคยสร้างบุญกุศลไว้ ความรู้สึกของผู้รับบุญกุศลนั้นก็จะเข้ามาสัมผัสกับจิตของเรา ทำให้เกิดปิติสุขเหมือนเป็นสวรรค์ การศึกษาประสบการณ์ของผู้ใกล้ตายดังกล่าว นำไปสู่ข้อสรุปว่า

ชีวิตนี้ไม่ควรทำชั่ว ไม่ควรอาฆาตพยาบาทและไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น ชีวิตนี้เพื่อสร้างสมคุณงามความดี สาระสำคัญของชีวิตคือ ความรักความเมตตาที่มีต่อตัวเองและผู้อื่น

นอกจากนี้ เกี่ยวกับเรื่องการเกิด ตามการศึกษาและวิจัยของจิตแพทย์กลุ่มนี้ พบว่า ก่อนการเกิดนี้ เราได้วางแผนชีวิตมาแล้ว โดยจิตเราจะสัมผัสกับ “ผู้ดูแล” (Master) “ผู้ดูแล” นี้จะเป็นผู้สื่อสารกับเราว่า เมื่อเกิด พ่อแม่เราจะเป็นใคร เราจะต้องพบเจอกับอะไรบ้างเป็นต้น บางครั้งเราก็จะปฏิเสธว่าเราไม่ต้องการแบบนี้ แต่“ผู้ดูแล” ก้จะปลอบโยนเรา เช่น บางครั้งเราต้องเกิดมาพิการ มีชีวิตที่ยากลำบาก หรือเราอาจต้องเกิดมาเป็นลูก เป็นคู่รักกับคนนั้นคนนี้ ซึ่งเป็นคนที่เคยทะเลาะกันเกลียดกันมา เราไม่ต้องการ เราอาจจะบอก “ผู้ดูแล” ว่าเราไม่ต้องการแบบนั้น “ผู้ดูแล” ก็จะสอนเราว่า เราต้องเจอกับคนนี้เพื่ออะไร เราต้องเกิดมาลำบากยากจนขาดแคลน ร่างกายไม่สมบูรณ์ หรือแม้กระทั่งพิการ เพื่ออะไร จริงๆ แล้วก็เพื่อฝึกหัดพัฒนาจิตใจ ให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง ทำใจได้ และก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้
โดยสรุปแล้ว ตามการวิจัยของจิตแพทย์ชาวตะวันตก ในการเกิดของเรา เราได้วางแผนมา ก่อนแล้วว่า เราจะเกิดมาอย่างไร เพื่ออะไร แม้ว่าชีวิตจะมีอุปสรรค แต่เราก็ตั้งใจมาแล้วและทำใจยอมรับกับการเกิดนี้ ว่าเพื่อพัฒนาจิตใจ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไร มีทุกข์มากขนาดไหน เราจะทำใจดีให้ได้ คิดสร้างสรรค์ คิดดี คิดในแง่บวกได้ทุกสถานการณ์

No comments: