Wednesday, June 20, 2007

ไม้พุทธประวัติ...ตาล

ตาล
Borassus flabellifer Linn.


ชื่อพื้นเมือง

ชื่อบาลี
ชื่อวิทยาศาสตร์
ชื่อสามัญ

ชื่อวงศ์
ถิ่นกำเนิด
สภาพนิเวศน์
การขยายพันธุ์
ประโยชน์





ต๋าล (เชียงใหม่), โหนด(ภาคใต้), ตาล ตาลี (อินเดีย),ตาลโหนด ตาลใหญ่ (ทั่วไป), ทองถู (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ท้าง (กะเหรี่ยง-ตาก,เชียงใหม่)
ลฏฐิ (ลัด-ถิ), ตาโล (ตา-โล), ตาล (ตา-ละ), วิเภทิกา (วิ-เพ-ทิ-กา)
Borussus flabellifer Linn.
Lontar Palm, Brab Palm, Palmyra Palm, Fan Palm
Palmae
(Arecaceae)
ทวีปแอฟริกา และนำไปปลูกทั่วๆไป จนมีทั่วเอเชียเขตร้อน
ชอบขึ้นในที่มีน้ำท่วมถึงบ้างเป็นครั้งคราว
เพาะเมล็ด
ใช้เป็นอาหาร ทำน้ำตาลจากก้านช่อดอกตัวผู้และตัวเมีย ผลอ่อนเป็นอาหาร ผลสุกทำขนม เมล็ดเมื่องอกนำไปเชื่อมเป็นของหวาน ใบอ่อนใช้จักสานทำของเล่น สานหมวก ตะกร้า ใบแก่มุงหลังคา ด้านท้องของก้านใบที่สด ใช้ลอกมาทำฟั่นทำเชือก เป็นเชือกที่เหนียวมาก ใช้ทำเชื้อเพลิงได้ทุกส่วน ลำต้นใช้ทำกระดาน เสา เครื่องเรือน ทำเรือขุด และขุดทำท่อส่งน้ำในพื้นที่การเกษตร เสี้ยนตาลใช้ทำไม้ตีพริก



ตาล ฮินดูเรียก "ตาละ" "ตาลี" ตามพุทธประวัติกล่าวไว้ว่า ในพรรษาที่ 2 หลังจากที่พระพุทธองค์สำเร็จสัมมาสัมโพธิญาณแล้วได้ไปประทับ ณ ลัฏฐีวนุทยานคือวนอุทยานที่เป็น "สวนตาลหนุ่ม" เพื่อโปรดให้พระเจ้าพิมพิสาร ผู้ซึ่งเป็นราชาแห่งแคว้นมคธ รวมทั้งบริวารทั้งหลายเข้าเฝ้า แล้วพระเจ้าพิมพิสารได้ทูลเชิญเสด็จเข้าประทับในเมือง และถวายพระกระยาหาร เสร็จแล้วได้ถวายเวฬุวนาราม แด่พระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวก

ตาล เป็นพืชพวกปาล์มชนิดหนึ่ง อยู่ในสกุล " Borussus " และอยู่ในวงศ์เดียวกับมะพร้าว หมาก คือวงศ์ " Palmae " หรือ "Arecaceae "
ลักษณะ ตาลเป็นพันธุ์ไม้พวกปาล์มที่มีลำต้นสูงใหญ่ ต้นตัวผู้และตัวเมียแยกกัน ต้นสูงได้ถึง 40 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางของต้นประมาณ 50-60 เซนติเมตร ลำต้นผ่าออกเป็นเสี้ยนสีดำแข็งมาก ตรงไส้กลางลำต้นจะอ่อนนิ่ม ใบ เดี่ยว ขนาดใหญ่ รูปร่างเหมือนพัด ขอบใบหยัก ก้านใบใหญ่ยาว ยาว 1-2 เมตร แข็งแรง ขอบของก้านใบทั้งสองข้างมีหนามเหมือนฟันเลื่อยสีดำแข็ง และคมมาก โคนก้านใบจะแยกออกคล้ายคีมโอบหุ้มลำต้นไว้ ดอก ช่อ ดอกเพศผู้มีขนาดใหญ่และยาว ลักษณะเป็นแท่งๆ ในหนึ่งช่อดอกมีหลายสิบแท่งคล้ายนิ้วมือ เรียก "นิ้วตาล" แต่ละนิ้วยาวได้ 30-45 เซนติเมตร โคนกลุ่มช่อจะมีก้านช่อรวม และมีกาบแข็งๆ หลายกาบหุ้มโคนก้านช่อดอกอีกชั้นหนึ่ง ดอกเพศเมียจะออกคล้ายดอกเพศผู้แต่ละนิ้วจะมีปุ่มๆ ซึ่งเป็นอวัยวะของเพศ แต่ละดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร มีกาบแข็งๆ หุ้มแต่ละดอก แต่ละกาบจะเจริญเป็นกลีบเลี้ยง และจะคงอยู่จนเป็นผลตาล ผล รูปทรงกระบอกกลม ขนาดใหญ่ ผิวผลยังไม่สุกสีเขียวถึงน้ำตาล เมื่อผลแก่จัดมีสีน้ำตาลดำ ผลสุกจะนิ่มถ้าผ่าผลจะมีเนื้อเละๆ สีเหลืองหุ้มเส้นใยซึ่งเหนียวจำนวนมาก มีเมล็ดแข็ง 1-3 เมล็ด

No comments: